ไปเที่ยวเวียงจันทน์

วันเสาร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2553

ประวัติ blog

บล็อก (Blog) คือ คำว่า “Weblog” ถูกใช้งานเป็นครั้งแรกโดย Jorn Barger ในเดือนธันวาคม ปี 1997 ต่อมามีฝรั่งที่ชอบเรียกสั้นๆ ชื่อนาย Peter Merholz จับมาเรียกย่อเหลือแต่ “Blog” แทนในเดือนเมษายน ปีค.ศ.1999 และจนมาถึงวันที่ 13 มีนาคม ค.ศ.2003 ทาง
Oxford English Dictionary จึงได้บรรจุคำว่า blog ในพจนานุกรม แสดงว่าได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการ บล็อก (Blog) ขึ้นแท่นศัพท์ยอดฮิต อันดับหนึ่ง ซึ่งถูกเสาะแสวงหา ความหมาย ทางพจนานุกรมออนไลน์ มากที่สุด ประจำปี 2004
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า เว็บไซต์ ดิกชั่นนารีหรือ พจนานุกรมออนไลน์ “เมอร์เรียม-เว็บสเตอร์” ได้ประกาศรายชื่อ คำศัพท์ซึ่งถูกคลิก เข้าไปค้นหา ความหมายผ่าน ระบบออนไลน์มากที่สุด 10 อันดับแรกประจำปีนี้ ซึ่งอันดับหนึ่งตกเป็นของคำว่า “บล็อก” (blog) ซึ่งเป็นคำย่อของ “เว็บ บล็อก” (web log)
โดยนายอาเธอร์ บิคเนล โฆษกสำนักพิมพ์พจนานุกรมฉบับ เมอร์เรียม-เว็บสเตอร์ กล่าวว่า สำนักพิมพ์ได้เตรียมที่จะนำคำว่า “บล็อก” บรรจุลงในพจนานุกรมฉบับล่าสุดทั้งที่เป็นเล่มและ ฉบับออนไลน์แล้ว
แต่จาก ความต้องการของผู้ใช้ที่หลั่งไหลเข้ามา ทำให้เมอร์เรียม-เว็บสเตอร์ตัดสินใจบรรจุคำว่า “บล็อก” ลงในเว็บไซต์ในสังกัดบางแห่งไปก่อน โดยให้คำจำกัดความไว้ว่า “เว็บไซต์ที่บรรจุ เรื่องราวเกี่ยวกับบันทึกส่วนตัวประจำวัน ซึ่งสะท้อนถึงมุมมอง ความคิดเห็นของบุคคล โดยอาจรวมลิงค์เชื่อมต่อไปยังเว็บไซต์อื่นๆ ตามความประสงค์ของเจ้าของเว็บบล็อกเองด้วย” โดยทั่วไป คำศัพท์ที่ถูกบรรจุลงในพจนานุกรมนั้นจะต้องผ่านการใช้งาน อย่างแพร่หลาย มาไม่น้อยกว่า 20 ปี ซึ่งหมายความว่าคำคำนั้นจะต้องถูกนำมาใช้
โดยทั่วไป ในระยะเวลาหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันคำศัพท์ ทางเทคโนโลยีรวมไปถึงโรคภัยไข้เจ็บใหม่ๆ อย่างเช่น โรคเอดส์ โรคไข้หวัดซาร์ส ถูกบรรจุลงในพจนานุกรมภายในระยะเวลาอันสั้น
คำว่า “บล็อก” เริ่มใช้เป็นครั้งแรกๆผ่านทางหน้าหนังสือพิมพ์และนิตยสารเมื่อปี 2542 แต่ผู้รวบรวมพจนานุกรมตั้งข้อสังเกตว่าการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และการประชุมใหญ่ของ พรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันเพื่อรับรองชื่อ ผู้สมัครเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีที่ผ่านมา ทำให้ประชาชนชาวสหรัฐฯ ผู้ติดตามข่าวสารส่วนใหญ่สนใจ และต้องการทราบความหมายที่แท้จริงของคำดังกล่าว โดยเฉพาะเมื่อคำศัพท์เหล่านั้นปรากฏเป็นข่าวพาดหัวตามหน้าหนังสือพิมพ์ทั่ว ไป
นอกเหนือจากคำว่า “บล็อก” แล้ว คำศัพท์ที่ติดอันดับถูกเข้าไปค้นหาความหมายสูงสุด 10 อันดับแรกประจำปีนี้ได้แก่ “อินคัมเบนท์” (incumbent) ซึ่งหมายถึงผู้อยู่ในตำแหน่ง, “อิเล็กทอรัล” (electoral) หรือคณะผู้เลือกตั้ง
ขณะที่บางคำเป็นคำศัพท์ที่เกี่ยวเนื่องกับสงครามใน อิรัก เช่น “สตอร์มส” (stroms) ซึ่งมีความหมายว่ าการโจมตีอย่างรุนแรง, “อิน-เซอร์เจ้นท์” (insurgent) หรือกองกำลังฝ่ายต่อต้านการปกครอง อิรัก, “เฮอร์ริเคน” (hurri- cane) ซึ่งหมาย ถึงผลกระทบอย่างรุนแรง, “เพโลตัน” (peloton) ที่แปลว่ากองทหารขนาดเล็ก และซิคาด้า (cicada) ซึ่งความหมายตามรูปศัพท์ แปลว่าจักจั่น

เมื่อ Facebook กำลังจะครองอินเตอร์เน็ตแทนที่ Google

กระแสของโลก Social Network บูมขึ้นเรื่อยๆ และ Facebook เองก็เป็นหนึ่งในผู้นำด้านนี้ แต่เดิมนั้นโลกของ Social Network จะถูกจำกัดอยู่แต่ภายในเว็บไซต์ของตัวเองเท่านั้น จนกระทั่งเมื่อปีที่แล้ว Facebook ได้เปิดตัว Facebook Connect เข้ามา ทำให้ Facebook เริ่มแผ่ขยายอาณาจักรออกสู่เว็บไซต์อื่นมากขึ้น เว็บใดก็สามารถนำ login ของ Facebook ไปติดที่เว็บไซต์เพื่อใช้ widget เล็กๆ น้อยๆ เช่น กล่อง comment และรายชื่อเพื่อนของตนได้ รวมไปถีงปุ่ม Share ซึ่งนับจำนวนผู้แชร์ได้ (แข่งกับ Digg) ซึ่งส่วนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคือระบบ Login ซึ่งสามารถ login ได้ในคลิกเดียว ง่ายกว่า OpenID ซึ่งเป็นระบบ Login ที่ถูกออกแบบมาเพื่อจะใช้เป็นมาตรฐานการ Login ทั่วอินเตอร์เน็ตมากมายหลายเท่าตัว และระบบ Login นี้เองก็ได้เข้าเป็นหนึ่งในมาตรฐานที่เว็บไซต์ข่าวและ Blog ต่างๆ ต้องมี

Facebook มีอะไรใหม่?

ในงาน f8 ปี 2010 นี้เองที่เป็นงานแถลงข่าวใหญ่ของทาง Facebook ซึ่งปีนี้ ทาง Facebook ได้เปิดตัว Feature ใหม่ๆ 3 ตัวหลักดังนี้

  1. Social Plugin จะคล้ายๆ กับ Facebook Connect ที่ทาง Facebook มีอยู่แล้ว แต่ได้ถูกพัฒนาให้ดีขึ้นกว่าเดิมมาก เช่น ปุ่ม login with face ซึ่งจะแสดงรายชื่อเพื่อนที่เข้าใช้งานเว็บไซต์ที่ติดตั้ง code ตัวนี้ไว้ ทำให้เรารู้ได้ทันทีว่ามีเพื่อนคนใดของเราบ้างที่เข้าใช้งานเว็บไซต์แห่งนี้ เช่นเดียวกับเรา แต่พระเอกของ Social Plugin จริงๆ คือปุ่ม Like ครับ ซึ่งจะตัวเว็บไซต์เองจะได้ประโยชน์จากปุ่ม Like มาก เนื่องจากเมื่อผู้ใช้กด Like แล้ว ใน wall ของผู้ใช้จะปรากฎข้อความว่าผู้ใช้กด Like หน้าอะไร พร้อมใส่ link มายังเว็บไซต์ที่ติดปุ่มเอาไว้ให้อัตโนมัติ เป็นการเพิ่ม traffic กลับมายังตัวเว็บไซต์เองได้เป็นอย่างดี
  2. Open Graph API ส่วนนี้คือการกรอกข้อมูลใน tag meta ใน html เอาไว้ว่าหน้าๆ นี้มีรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องอะไร มีเจ้าของ content เป็นใคร มีที่ตั้งอยู่ที่ไหน (ระบุกันเป็น latitude, longtitude ได้เลยทีเดียว) มี contact ให้ติดต่อได้ทางใดบ้าง ซึ่งพูดง่ายๆ คือ tab info ใน Page นั่นแหละครับ เมื่อมีผู้ใช้มากด Like ที่หน้านี้ content ที่กรอกไว้จะถูกส่งกลับไปให้ facebook เก็บเป็นสถิติเอาไว้ ตัวอย่างเช่น เว็บ review หนัง แล้วผู้ใช้มากด Like ให้กับหนังเรื่อง Iron Man facebook จะรู้ทันทีว่าคนๆ นี้ชอบ content ประเภท Movies เรื่อง Iron Man และข้อมูลจะถูกส่งไปยังหน้า Profile ของผู้ใช้คนนั้นให้เลย ตรงนี้ถูกกล่าวขานว่าจะทำให้กลายเป็น “Semantic Web”
  3. Graph API คือส่วนสำหรับการร้องขอข้อมูลใดๆ จาก Facebook มาใช้งาน สามารถใช้งานได้แม้แต่การดึง profile ของผู้ใช้หากผู้ใช้ให้อนุญาต โดยการเรียกใช้งานจะสามารถเรียกผ่าน URL ได้ทั้งหมด หากขอข้อมูลโดยไม่มีการใช้งาน OAuth จะได้ข้อมูลเพียง ข้อมูล public ที่ผู้ใช้เปิดสิทธิไว้ให้ แต่หากใช้ OAuth ขอ token มาแล้วข้อมูลที่ร้องขอได้จะมากขึ้นตามสิทธิที่ผู้ใช้ให้อนุญาต ตรงนี้ทำให้การใช้งานผ่าน curl ใน command line สามารถกระทำได้ง่ายมาก หรือแม้แต่เรียกรูป profile ของผู้ใช้โดยการใส่ URL ลงใน tag ก็ตาม นอกจากนี้ยังใช้การส่ง POST เพื่อ update ข้อมูลกลับ facebook ได้อีกด้วย

Feature ใหม่นี้มีประโยชน์อย่างไร?

การเปิด Feature ใหม่นี้มีประโยชน์มากมายหลายประการดังนี้

  1. เป็นการยกสังคมออนไลน์ออกมานอก Facebook ทุกๆ เว็บไซต์สามารถมีองค์ประกอบได้ทุกอย่างที่ Page มี (Fan คือจำนวน Likes, ตัว content ในเว็บแทน wall แจ้งข่าวสาร) และยังสามารถตกแต่งหน้าเว็บได้อิสระตามความชอบใจ ไม่ต้องเป็นไปตามหน้าตา facebook
  2. ผู้ใช้กด like ที่หน้าเว็บแล้วข้อมูลความสนใจของผู้ใช้เช่น เพลง หนัง หนังสือ นิยาย จะถูกส่งเข้า profile ของผู้ใช้คนนั้นๆ ทันที โดยที่ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องกรอกข้อมูลใดๆ ในหน้า profile เพิ่มเติมเองเลย ทำให้ facebook มีข้อมูลความสนใจของผู้ใช้ที่เกิดจากการใช้งานจริงเพิ่มขึ้นอีกมาก
  3. การใช้งาน content หรือตรวจสอบว่าเป็น content ที่มีคุณภาพหรือไม่ ผู้ใช้จะดูจากจำนวน Friend ว่ามีใครมา Like บ้าง ทำให้ content ที่มีคุณภาพในมุมมองของผู้ใช้แต่ละคนแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เช่น นาย A เข้ามาแล้วมี Friend กด Like จำนวน 200 คนนาย A จะคิดว่า content ในหน้านี้ดีมาก ในขณะที่นาย C เข้ามาแล้วพบว่ามี Friend กด Like เพียง 5 คน นาย C อาจจะออกจากหน้านี้ไปโดยไม่ทันได้อ่านเนื้อหาเลยก็ได้เนื่องจากตัดสินตาม จำนวนเพื่อนที่เห็น จะเห็นว่าข้อมูลในหน้าหนึ่งๆ สามารถโด่งดังได้หลากหลายกลุ่มมาก แต่ก็ไม่ใช่ทุกกลุ่มที่จะดัง การกรองข้อมูลด้วยคนใช้จริงที่เป็น Friend กด Like จึงเป็นรูปแบบใหม่ในการวัดคุณภาพ content เลยทีเดียว
  4. จาก Open Graph API ได้ข้อมูล keyword จากเว็บ content จำนวนมากที่นำปุ่ม Like ไปติด ส่งต่อข้อมูลให้ Graph API เรียกไปใช้ต่อได้ และสุดท้ายคือแสดงข้อมูลด้วย Social Plugin ค่อนข้างครบวงจรเลยทีเดียวครับ

แล้ว Facebook จะมาครองอินเตอร์เนตแทนที่ Google ได้อย่างไร?

ขอแยกประเด็นเป็นข้อๆ ดังนี้ครับ

  1. Product หลักของ Google คือ Search Engine ถูกไหมครับ แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าการ search นั้นถูกอ้างอิงโดยสิ่งที่ผู้ใช้คนนั้นสนใจอยู่? และยิ่ง facebook รุกออกนอกกำแพงภายในเว็บตัวเองออกไปเว็บไซต์ใดๆ แล้ว การ search จะยิ่งมีคุณภาพมากขึ้น ผลลัพธ์การค้นหาที่เกี่ยวข้องกับความสนใจของผู้ใช้ที่ผ่านมาจะปรากฏขึ้นเป็น อันดับแรกๆ ทำให้ได้ข้อมูลที่แม่นยำกว่าเดิมมาก อีกทั้งเมื่อพบข้อมูลสินค้าใดๆ แล้วยังสามารถระบุข้อมูลตำแหน่ง และสถานที่ติดต่อได้ทันที ตามที่ผมกล่าวไว้ใน Open Graph API
  2. มาพูดในแง่การหารายได้กันบ้าง รายได้หลัก Google มาจาก AdWord และ Adsense แต่ทว่าทุกวันนี้ Facebook Ads เป็นอะไรที่มีคุณภาพกว่า AdWord มากหลายเท่า เนื่องจากระบุกลุ่มเป้าหมายได้ละเอียดตั้งแต่เพศ อายุ ประเทศ ไปจนถึงความสนใจ และเมื่อ Facebook ปูทางไว้แล้วด้วย Social Plugin ต่างๆ ที่ติดตามเว็บไซต์กระจายตัวมากขึ้นไปทั่ว อีกหน่อยการจะทำโฆษณาแบบ Adsense ไปติดตามเว็บที่มี Social Plugin ก็ไม่ใช่เรื่องยาก แถมยัง target ได้ตรงกว่า AdWord หลายเท่าอีกด้วย แล้วยังมีการกด Like ของเพื่อนๆ เข้ามาตรงส่วนโฆษณาอีกต่างหาก พูดง่ายๆ ว่า AdWord ดูกระจอกไปเลยในทันที
  3. Google คงจะพอรู้ตัวว่าสู้ Facebook ลำบาก เลยพยายามดัน Google Buzz ที่เป็น Social Network ออกมา เพื่อจะอาศัยประโยชน์ข้อเดียวกับ Facebook แต่ปรากฏว่ากลุ่มผู้ใช้ยังคงอยู่ในวงแคบ (ใน Gmail) เท่านั้น
  4. ความ Real Time ของข่าวสารก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ Google สู้ Social Network ไม่ได้ทั้ง Twitter และ Facebook เนื่องจาก content ที่โพสต์โดยผู้ใช้ย่อมไวกว่ารอ bot ไปวิ่งเก็บตามที่ต่างๆ มารวมกันแน่นอน แม้ว่า Google จะเพิ่ม Social Search แต่แน่นอนนั่นไม่ใช่ข้อมูลของ Google เอง แล้ว Google จะอยู่ได้อย่างไร!

สรุปได้ง่ายๆ ว่าหมัดเด็ดของ Google ที่อยู่ยืนยงมานานนับสิบปี ตอนนี้กำลังจะโดนตีตลาดแล้วอย่างแน่นอน Search Engine ที่โดน Bing เข้าตีแต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ อาจจะโดน Facebook ตีชนะไปเสียก่อนในเร็ววันนี้ แหล่งรายได้หลักจากโฆษณาที่แทรกอยู่ในบริการของ Google เมื่อ Facebook กระจาย Facebook Ads ไปตามเว็บต่างๆ เมื่อไรก็เสร็จ แม้แต่ Google Docs ยังโดน docs.com ที่เป็นความร่วมมือของ facebook กับทาง microsoft เข้าแข่งด้วยหัวใจหลักของ Google โดนตีพังเสียหายหมด หนทางรอดของ Google ตอนนี้ สงสัยว่าคงจะอยุ่ที่ Android ที่ Google กระจายตัวสู่ตลาดได้ดีมากเพียงอย่างเดียวแล้วกระมัง

เหตุการณ์จะเป็นเช่นไร คงต้องรอดูสถานการณ์ต่อไปละครับ

ภาพพุทธประวัติ สวยงามมากๆ

ภาพพุทธประวัติ ชุดนี้ส่งมาให้ผม สวยงามเกินกว่าบรรยายได้จริงๆ แถมยังทำให้ใจสงบนิ่งได้ ผมขอยกย่องว่าเป็นภาพที่มีคุณค่าทางใจอย่างมาก









การใช้อินเตอร์เน้ตอย่างปลอดภัย

ภัยจากอินเทอร์เน็ต

ภัยข้อแรก ภัยจากการแชท การ แชท หมายถึง การพูดคุยกันทางอินเทอร์เน็ต เป็นภัยที่พบง่ายและบ่อยที่สุด บางครั้งเราอาจกำลังสนทนาอยู่กับคนที่ต้องการแสวงหาผลประโยชน์จากเราอยู่ก็ ได้ ถ้าเราเผลอให้ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ หรือนัดเจอคนที่รู้จักกันทางเน็ต เราอาจตกเป็นเหยื่อของคนเหล่านี้ได้ คนเหล่านี้เล่นแชท เพราะเป็นคนไม่ค่อยมีเพื่อน , มีปมด้อย , อยากหาแฟน , เพ้อฝันว่าอาจจะได้เจอสิ่งดีๆ ในเนต ,โรคจิต , แสวงหาผลประโยชน์จากคนที่ไม่รู้ , หาความรู้โดยไม่อยากเสียเงิน หรือเล่นไปงั้นๆ แหละ เพื่อนบอกให้ลอง

ภัยข้อที่ 2 ภัยจากการเล่นเกมส์ออนไลน์ เป็น เหมือนกับยาเสพติดดีๆ นี่เอง เพราะเมื่อเล่นแล้วทำให้ไม่อยากหยุดเล่น อยากทำคะแนนให้ได้เยอะๆ ได้ level ที่สูงขึ้น อยากอวด อยากเอาชนะคนอื่น ปัจจุบันเกมส์ออนไลน์มีมากมาย บางเกมส์ส่อไปในทางลามกอนาจาร มีการนำเสนอภาพที่รุนแรง บางเกมส์มีการขายของที่อยู่ในเกมส์ หลายคนเคยตกเป็นเหยื่อเพราะโดนหลอกซื้อของที่อยู่ในเกมส์ก็มี นักเรียนต้องรู้จักข่มใจตนเอง เลือกเล่นเฉพาะเกมที่สร้างสรรค์ กำหนดเวลาเล่นให้เป็น ไม่ใช่เล่นเอาเป็นเอาตาย สิ่งเหล่านี้เป็นตัวบั่นทอนทำให้เสียสุขภาพกาย สุขภาพจิต รวมถึงเสียการเรียนด้วย

ภัยข้อสุดท้าย ภัยจากการท่องเวบ ภัย จากการท่องเว็บอันดับ 1 คือ การโฆษณาหลอกลวงขายสินค้า เช่น สั่งซื้อของจ่ายเงินแล้วแต่ไม่ได้ของก็มี 2. เว็บดาวน์โหลด ถ้าดาวน์โหลดสุ่มสี่สุ่มห้า อาจจะมีไวรัสแถมมาด้วย หรือบางเว็บแค่คลิกเข้าไปก็โดนไวรัสแล้ว 3. เว็บโป๊ อนาจาร 4. เว็บบอร์ด กระดานถามตอบ อาจมีการโพสต์ข้อความชวนเชื่อ โกหกบ้าง จริงบ้าง ใช้ถ้อยคำที่ไม่สุภาพเพื่อกลั่นแกล้งกันก็มี 4. ภัยจากอีเมล์ก็มีไวรัส หรือภาพโป๊ ฟอร์เวิร์ดเมล์ที่ไร้สาระ ถ้ามีเมล์ที่เราไม่รู้จักเข้ามา ก็ควรลบทิ้ง

4 วิธีของเด็ก- 6 วิธีสำหรับผู้ใหญ่ ป้องกันอันตรายจากเน็ต

อินเตอร์เน็ตถือ เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมและอยู่ใกล้ชิดเยาวชนมากที่สุด ช่วยให้เยาวชนสามารถค้นคว้าหาความรู้และสาระได้อย่างเท่าเทียมกับอารยประเทศ แม้มีประโยชน์มากมายแต่ก็ยังมีอันตรายไม่น้อยสำหรับเด็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลายเป็นแหล่งก่อให้เกิดปัญหาการล่อลวงเด็ก และเกิดความเสียหายกับตัวเด็ก ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มีข้อเสนอ 6 แนวทางสำหรับผู้ใหญ่ และ 4 แนวทางสำหรับเด็กในการป้องกันอันตรายจากอินเตอร์เน็ตที่มีกับเด็ก ลดช่องว่างด้านเทคโนโลยี และสกัดกั้นความเสียหายต่ออนาคตของชาติ จากผู้ใช้ในเมืองไทย 4.5 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นเยาวชน

ส่วนของพ่อแม่ ผู้ปกครอง...
1. ไม่ควรปล่อยให้เยาวชนหรือบุตรหลานเล่นอินเตอร์เน็ตตามลำพัง
2. กระตุ้นให้เด็กเล่าเรื่องที่เกี่ยวกับสิ่งที่พบเห็นในอินเตอร์เน็ตให้กับผู้ปกครองได้รับทราบ และขอคำปรึกษาเมื่อพบกับปัญหา
3. ทำความเข้าใจกับเด็กเกี่ยวกับการใช้อินเตอร์เน็ต เพื่อป้องกันเด็กจากเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสม
4. แนะนำเด็กในการใช้อีเมล์ และให้ตรวจสอบหรือสอบถามเกี่ยวกับการส่งอีเมล์ที่ส่งมาให้เด็กอยู่เสมอ
5. ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้แชตรูม หรือห้องสนทนาเกี่ยวกับข้อมูลที่เด็กควรปกปิดไว้ ไม่ควรบอกให้คู่สนทนารู้ เช่น นามสกุล ที่อยู่
6. ควรวางคอมพิวเตอร์ที่เด็กใช้ไว้ในที่เปิดเผย เช่น ห้องนั่งเล่น มากกว่าที่จะวางไว้ในห้องนอน หรือห้องส่วนตัว

สำหรับเยาวชน มีข้อควรระวัง...
1. ไม่บอกข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ ชื่อโรงเรียน ให้แก่บุคคลอื่นที่รู้จักทางอินเตอร์เน็ต
2. แจ้งให้ผู้ปกครองทราบโดยทันทีที่พบข้อมูลหรือรูปภาพใดๆ บนอินเตอร์เน็ตที่หยาบคายไม่เหมาะสม
3. ไม่ไปพบบุคคลใดก็ตามที่รู้จักทางอินเตอร์เน็ตโดยไม่ขออนุญาตจากผู้ปกครองก่อน
4. ไม่ส่งรูปหรือสิ่งของใดๆ ให้แก่ผู้อื่นที่รู้จักทางอินเตอร์เน็ตโดยไม่ได้ขออนุญาตจากผู้ปกครองก่อน

ข้อเสนอแนะว่าจะใช้ เน็ต อย่างไรให้ปลอดภัย

1. ไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนตัว เช่นชื่อนามสกุลจริง ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ ชื่อโรงเรียน
2. ไม่ส่งหลักฐานส่วนตัวของตนเองและคนในครอบครัวให้ผู้อื่น
3. ไม่ควรโอนเงินให้ใครอย่างเด็ดขาด นอกจากจะเป็นญาติสนิทที่เชื่อใจได้ จริงๆ
4. ไม่ออกไปพบเพื่อนที่รู้จักทางอินเตอร์เน็ต เพื่อป้องกันการลักพาตัว หรือการกระทำมิดีมิร้ายต่างๆ
5. ระมัดระวังการซื้อสินค้าทางอินเตอร์เน็ต รวมถึงคำโฆษณาชวนเชื่ออื่นๆ
6. ควรบอกพ่อแม่ผู้ปกครองหรือคุณครู ถ้าถูกกลั่นแกล้งทางอินเตอร์เน็ต เช่น ได้รับอีเมล์หยาบคาย
หรือถูกนำรูปถ่ายไปตัดต่อสร้างความเสียหาย
7. ระลึกอยู่เสมอว่า บุคคลที่เรารู้จักทางเว็บอาจจะเป็นบุคคลที่ไม่พึงประสงค์
8. ระวังตัวทุกครั้งที่มีการลงทะเบียนสมัครสมาชิกกับเว็บต่างๆ เพราะเราอาจกำลังตกอยู่ในสายตาของ
ผู้ไม่ประสงค์ดี ที่กำลังจับตามองอยู่
9. ถ้าคนมาชวนสร้างรายได้ โดยทำธุรกรรมผ่านทางเว็บ ให้คิดเสมอว่ารายได้ที่สูงเกินความจริง อาจตกอยู่
กลลวงของผู้ประสงค์ร้าย
10. ไม่ควรเข้าเว็บที่ต้องห้าม หรือเว็บที่มีการนำเสนอภาพรุนแรง

เป็นกำลังใจ..ให้ตัวเอง..

ฉันก้อเป็นคนแบบนี้
ยอมรับว่าไม่ใช่คนดีอะไรนักหนา
ชีวิตก้อผ่านอะไรร้าย ๆ มา
จนรู้ซึ้งถึงคำว่า...ชีวิตคน

ทำตัว เปรี้ยว หวาน มัน เผ็ด
ครบทุกรสที่ว่าเด็ด จนเกือบจะสับสน
ก้อไม่ใช่ว่าชีวิตจะต้องเจอแต่อารมณ์ที่ทุกทน
เชื่อมั๊ยว่า ดี-ร้ายมันปะปนกันเข้ามา

เป็นกำลังใจให้ตัวเองเสมอ
ถึงแม้ว่าไม่ได้เก่ง ดี เลิศเลอ อะไรนักหนา
ที่อยู่มาได้ จนวันนี้ ผ่านวันที่ร้าย ๆ มา
เพราะบอกตัวเองเสมอว่า "ต้องมีสักวัน-ต้องมีสักคน"

วันศุกร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2553

4G ระบบการสื่อสารในอนาคต

โลกยุคโลกาภิวัฒน์ในปัจจุบัน ได้ถือกำเนิดเทคโนโลยีใหม่ๆมากมายหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีด้านการติดต่อสื่อสาร ซึ่งมีการคิดค้นและพัฒนากันอย่างรวดเร็ว อันนำมาซึ่งระบบเครือข่ายไร้สาย 4G ที่ เกิดขึ้นในอนาคตทำให้มนุษย์เราในฐานะผู้ใช้เทคโนโลยีจึงต้องก้าวตามเทคโนโลยีต่างๆเหล่านี้ให้ทันกับยุคสมัย

ระบบเครือข่ายการสื่อสารในปัจจุบัน เป็นเทคโนโลยีการสื่อสารไร้สายระบบ 2.5-3G ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยให้ผู้ใช้สามารถติดต่อสื่อสารได้ทั้งภาพและเสียง ตลอดรวมถึงข้อความต่างๆอาทิข้อความภาพและตัวอักษรได้ในเวลาอันรวดเร็ว ฉะนั้นประโยชน์จากการติดต่อสื่อสารไร้สายระบบ 2.5-3G นั้นก็คือ ผู้ใช้นอกจากจะติดต่อสื่อสารกันด้วยเสียงหรือการสนทนาแล้ว ยังสามารถที่จะติดต่อสื่อสารกันด้วยภาพหรือข้อความต่างๆได้อีกด้วย จนกระทั่งได้มีผู้คิดค้นระบบเครือข่ายการสื่อสารไร้สาย 4G ขึ้นมา เพื่อรองรับการสื่อสารไร้สายในอนาคต ระบบเครือข่ายการสื่อสารไร้สายแห่งอนาคตดังกล่าว ก็มีคุณสมบัติต่างๆคล้ายคลึงกับระบบเครือข่ายการสื่อสาร ไร้สาย 2.5-3G ในยุคปัจจุบัน แต่ก็มีคุณสมบัติพิเศษซึ่งแตกต่างกันนั้นก็คือ ระบบการสร้างภาพ 3 มิติ แต่ระบบการสร้างภาพ 3 มิตินั้นไม่ใช่ระบบ 3 มิติที่ใช้กันในปัจจุบัน เพราะเทคโนโลยีดังกล่าวเป็นการจำลอง ภาพคนหรือวัตถุที่สมจริงราวกับเป็นคนหรือวัตถุนั้นจริงๆเพียงแต่จับต้องไม่ได้เท่านั้น

อย่าง ไรก็ดี ประโยชน์ที่จะได้รับจากการนำระบบเครือข่ายการสื่อสารไร้สาย 4G มาใช้ นอกจากระบบการ สื่อสารดังกล่าวจะรองรับการสื่อสารในรูปแบบต่างๆแล้ว ผู้ใช้ยังสามารถที่จะนำโปรแกรมสื่อมัลติมีเดียมาปรับใช้กับเครือข่าย 4G ได้ เนื่องจากระบบเครือข่ายการสื่อสารไร้สาย 4G นั้น มีความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลได้ถึง 100 เมกะบิทต่อวินาที โดยการนำโปรแกรมสื่อมัลติมีเดียดังกล่าวมาใช้อาทิเช่น การฟังเพลง MP3 ผ่านระบบเครือข่ายการสื่อสาร เป็นต้น นอกจากนั้นผู้เชี่ยวชาญต่างเห็นด้วยว่า มีหลายสิ่งที่อาจเป็นไปได้ในระบบเครือข่ายการสื่อสารไร้สาย 4G โดย Ran Yan รองประธานฝ่ายวิจัยระบบไร้สายบริษัท Lucent Technologies กล่าวว่า มีหลายสิ่งที่อาจเป็นไปได้ในระบบเครือข่ายการสื่อสารไร้สาย 4G ซึ่งสิ่งใหม่ๆที่ เกิดขึ้นอาจรวมถึงการช่วยเสริมประสิทธิภาพของระบบ GPS (Global Positioning System) ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นกว่าในปัจจุบันและหากมีการผสมผสานเทคโนโลยีดังกล่าว เข้ากับระบบเครือข่ายการสื่อสารไร้สาย 4G ก็จะสามารถค้นหาตำแหน่งที่ตั้งต่างๆได้ทั่วโลกราวกับว่าบุคคลนั้นได้ไปอยู่ ในสถานที่เหล่านั้นจริงๆ เช่น หากคุณไม่อยู่บ้าน แต่มีคนมาเคาะประตูบ้านคุณๆก็อาจจะตัดสินใจใช้เทคโนโลยีนี้ฉายภาพคุณเพื่อ ทักทายกับคนที่มาเคาะประตูนั้นก็ได้

ถึง กระนั้นคุณสมบัติต่างๆของระบบ 4G ก็ดูเหมือนยังห่างไกลจากความเป็นจริงในตลาดเทคโนโลยีในโลกยุคปัจจุบันมากจน ดูราวกับว่าเป็นแค่เพียงนิยายวิทยาศาสตร์เท่านั้น แต่ถึงอย่างไรก็ยังเชื่อกันว่าจะต้องมีสักวันหนึ่งที่ระบบ 4G นั้นสามารถช่วยให้มีการใช้โปรแกรมสร้างภาพ 3 มิติที่สมบูรณ์แบบและช่วยให้คนเราสามารถติดต่อสื่อสารกันได้ง่ายขึ้นโดยอาจ จะไปโผล่ที่นั่นที่นี่ได้ตามต้องการ

วิวัฒนาการการสื่อสารผ่านอินเตอร์เน็ต

ในปัจจุปันการใช้อินเทอร์เน็ตมีบทบาทกับชีวิตประจำวั นมากขึ้น และใช้งานกันอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งความจำเป็นที่จะต้องติดต่อสื่อสาร อินเตอร์เน็ตจึงได้รับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อ รองรับการสื่อสารรูปแบบต่างๆ เช่น การใช้จดหมายอินเล็กทรอนิกส์ การติดต่อด้วยเสียง ระบบ VDO Conference การใช้โทรศัพท์บนเครือข่าย ซึ่งก็มีวิวัฒนาการตามลำดับเบื้องต้นดังนี้

E-mail
หรือ จดหมายอิเล็กทรอนิคส์เป็นบริการอย่างหนึ่งที่นิยมใช้ กันอย่างแพร่หลายมาก จนทำให้บางคนคิดว่า E-mail คือ อินเตอร์เน็ต และอินเตอร์เน็ตคือ E-mail วิธีใช้งานอีเมลล์ก็ง่ายและมีประโยชน์มาก การทำงานของ E-mail มีลักษณะคล้ายกับระบบไปรษณีย์ปกติ (หมายถึงระบบที่ใช้กระดาษในการเขียนจดหมาย) กล่าวคือในระบบไปรษณีย์ปกติมีหน่วยงานที่ทำหน้าที่ใน การรับส่งจดหมายคือเป็นบรุษไปรษณีย์ (ในกรณีของประเทศไทยคือ การสื่อสารแห่งประเทศไทย) ถ้าเป็นในอินเตอร์เน็ตสิ่งที่ทำหน้าที่คอยรับส่งจดหม ายคือบรรดาคอมพิวเตอร์ทั้งหลายที่ทำหน้าที่เป็น E-mail Server (คอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่ให้บริการด้านจดหมายอิเล็กท รอนิคส์)

Chat
คือ การส่งข้อความสั้นๆ ระหว่างบุคคลที่อยู่หน้าเครื่องคอมพิวเตอร์ในเวลาเดี ยวกัน และสามารถเขียน

โต้ตอบกันไปมาคล้ายกับการคุยกัน ซึ่งก็ได้มีการพัฒนโปรแกรมสำหรับหาร Chat ออกมามากมายที่เป็นที่นิยมและใช้กันอย่างแพร่หลายก็ค ือ MSN Messenger

และสิ่งหนึ่งที่มีการพัฒนาต่อมา คือระบบการสื่อสารด้วยเสียงผ่านเครือข่าย IP ที่เรียกว่า เทคโนโลยี Voice over IP หรือที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่า “VoIP” จนสามารถใช้งานได้ดีขึ้น เพื่อให้ได้รับประโยชน์และมีความสะดวกมากที่สุด VoIP ถูกเริ่มต้นใช้งานกันอย่างกว้างขวาง เพื่อให้เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลสามารถสนทนา ระหว่างกัน ได้ รวมถึงการสนทนากับโทรศัพท์พื้นฐานอีกด้วยโดยไม่เสียค ่าบริการแต่อย่างได และคุณภาพของบริการก็ถูกพัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆจนเทียบเท ่าระบบ โทรศัพท์พื้นฐาน

ซึ่ง VoIP สามารถแบ่งได้เป็น 3 ลักษณะคือ
1. คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ไปยัง คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ( PC to PC )
PC มีการติดตั้ง sound card และไมโครโฟน ที่เชื่อมต่ออยู่กับเครือข่าย IP การประยุกต์ใช้ PC และ IP-enabled telephones สามารถสื่อสารกันได้แบบจุดต่อจุด หรือ แบบจุดต่อหลายจุด โดยอาศัย software ทางด้าน IP telephony



2. คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ไปยัง โทรศัพท์พื้นฐาน ( PC to Phone )
เป็นการเชื่อมเครือข่ายโทรศัพท์เข้ากับ เครือข่าย IP ทำให้โดยอาศัย Voice trunks ที่สนับสนุน voice packet ทำให้สามารถใช้ PC ติดต่อกับ โทรศัพท์ระบบปกติได้


3. โทรศัพท์กับโทรศัพท์ ( Telephony )
เป็นการใช้โทรศัพท์ธรรมดา ติดต่อกับโทรศัพท์ธรรมดา แต่ในกรณีนี้จริงๆแล้วประกอบด้วยขั้นตอนการส่งเสียงบ นเครือข่าย Packet ประเภทต่างๆซึ่งทั้งหมดติดต่อกันระหว่างชุมสายโทรศัพ ท์ (PSTN) การติดต่อกับ PSTN หรือ การใช้โทรศัพท์ร่วมกับเครือข่ายข้อมูลจำเป็นต้องใช้ gateway

ประวัติ Facebook

ประวัติ Facebook


"เฟซบุ๊ก" (Facebook) เปิดตัวในปี พ.ศ.2547 โดย "มาร์ก ซักเกอร์ เบิร์ก" ซึ่งขณะนั้นเป็นนักศึกษาหนุ่มน้อยวัยแค่ 20 ปี จากมหาวิทยาลัยชื่อดัง "ฮาร์วาร์ด"
เขาร่วมมือกับเพื่อนอีก 2 คน คิดค้นสร้าง เครือข่ายภายในรั้วมหาวิทยาลัยโดยให้นักศึกษาที่สนใจสามารถเข้ามาอัพเดตและแบ่งปันข้อมูลส่วนตัวและรูปภาพได้ จนได้รับความนิยมมากขึ้น จากภายในมหาวิทยาลัยกระจายสู่มหาวิทยาลัยชั้นนำอื่นๆ และขยายกลุ่มขึ้นเรื่อยๆ ปัจจุบันมีผู้สนใจจากทั่วโลกเข้าลงทะเบียนใช้งานมากกว่า 24 ล้านคน เฉลี่ยมีผู้ลงทะเบียนใหม่กว่า 100,000 รายต่อวัน
ลักษณะการทำงานของเฟซบุ๊กคือ มีลิงก์จากเพื่อนส่งเข้ามาหาและถ้าตอบตกลง sign up เข้าไปก็จะเข้าไปอยู่ในเครือข่ายของเฟซบุ๊กทันที ขณะเดียวกันก็สามารถส่งลิงก์เชื้อเชิญเพื่อนคนอื่นให้เข้ากลุ่มเป็นลูกโซ่ต่อไปได้ โดยในเฟซบุ๊กจะมีการแบ่งปันข้อมูลประสบการณ์ของแต่ละคน อัพเดตรูปภาพที่ได้ไปเที่ยวกันมา พูดคุย ติดต่อ เมาท์ หรือแม้แต่เข้าไปยุ่งเรื่องคนอื่นก็ได้
บางคนอาจคิดว่า "เฟซบุ๊ก" เหมือนกับ "มายสเปซ" (My space) เว็บไซต์เครือข่ายออนไลน์ที่ฮอตอยู่ในขณะนี้
แต่ "เฟซบุ๊ก" มีมากกว่านั้น
ความโดดเด่นของเฟซบุ๊ก คือผู้ใช้งานต้องใช้ชื่อจริงและอีเมล์เดียวกันในการลงทะเบียนและมีความต้องการที่จะรู้จักคนอื่นที่มีตัวตนจริงๆ บนโลกใบนี้
นักวิจัยจากสถาบันแห่งหนึ่งจากอังกฤษกล่าวว่า เฟซบุ๊กยอดเยี่ยมกว่ามายสเปซ เพราะเหมาะสำหรับ "เด็กดี" ขณะที่มายสเปซเหมาะสำหรับ ขาร็อก ฮิปฮอป ศิลปิน หรือคนทำงาน และเพื่อให้เห็นภาพมากขึ้น
"
ซักเกอร์เบิร์ก" อธิบายเพิ่มเติมว่า ตัวเขาเองคล้ายกับผู้สร้างแผนที่ ซึ่งจะรวบรวมข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ ไว้ด้วยกันเป็นพื้นแผนที่แห่งใหม่ จากนั้นคนอื่นที่เข้ามาในแผนที่แห่งนี้ก็จะสามารถพบปะ พูดคุย หรือสร้างเส้นทางการค้าแห่งใหม่ได้ กล่าวคือ เฟซบุ๊กเป็นแผนที่ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ที่เป็นจริงและมีตัวตนจริง
ขณะที่เครือข่ายทางสังคมบนเว็บไซต์อื่นๆ อาจเป็นเพียงเครื่องมือช่วยให้คนได้เจอผู้เล่นหน้าใหม่ๆ บนโลกออนไลน์เท่านั้น
"
ซักเกอร์เบิร์ก" แสดงให้เห็นโมเดลของเขาว่า คนแต่ละคนเปรียบเสมือนหน่วยแต่ละหน่วย ที่เชื่อมต่อกันด้วยมิตรภาพและมีพลังอย่างมากในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร เช่น ผู้ใช้งานจะรู้โดยอัตโนมัติเลยว่าเพื่อนคนใดมีรูปภาพอัลบั้มใหม่ เพราะจะมีคนอัพโหลดภาพนั้นขึ้นบนเว็บไซต์ซึ่งทำให้เพื่อนคนอื่นๆ เห็นด้วย
มากกว่านั้น สิ่งที่โดดเด่นอีกอย่างหนึ่งของ ชุมชนออนไลน์แห่งนี้ คือเฟซบุ๊กกำลังทำตนเองเป็น "แพลตฟอร์ม"
หมายความว่าสามารถให้นักพัฒนานำ แอปพลิเคชั่นมาใช้บนแพลตฟอร์มของเฟซบุ๊กได้ ดังนั้นใครก็ตามที่สามารถสร้างเครื่องมือซอฟต์แวร์หรือแอปพลิเคชั่นใหม่ๆ ก็มาใช้งานบนเครือข่ายนี้ได้
รายได้ที่บุคคลเหล่านั้นจะได้รับภายในเครือข่ายของเฟซบุ๊กนั้น พวกเขาจะได้รับไปเต็มๆ ทำให้ปัจจุบันเฟซบุ๊กมีของเล่นจำนวนนับพันถูกสร้างขึ้นและแพร่กระจายไปตามเครือข่ายเพื่อให้สมาชิกสามารถเข้ามาเล่นแบ่งบันร่วมกัน ทั้งการค้นหา ทั้งเพลง เล่นเกมซูโดกุ (เกมปริศนาตารางตัวเลข) หรือแม้แต่ขอยืมเงิน
"
ปัจจุบันเว็บไซต์เครือข่ายทางสังคมถูกปิดกั้นโดยแพลตฟอร์ม แต่เรากำลังทำให้ข้อจำกัดนี้หมดไป" ซักเกอร์เบิร์กกล่าวกับโปรแกรมเมอร์จำนวน 750 คนที่เข้าร่วมประชุมนักพัฒนาครั้งแรกของบริษัท
นอกจากนั้น "เฟซบุ๊ก" ยังจะสนับสนุนให้บริษัทอื่นเข้ามาขายสินค้าภายในเครือข่ายได้ และตั้งเป้าว่าจะสามารถหาสินค้าได้ทุกอย่างบนเว็บไซต์แห่งนี้อีกด้วย
การเคลื่อนไหวดังกล่าวของเฟซบุ๊กทำให้หลายฝ่าย หรือแม้แต่ "ซักเกอร์เบิร์ก" เองมองว่าการกระทำของเขาคล้ายคลึงกับการกระทำของไมโครซอฟท์เมื่อทศวรรษที่ผ่านมา ที่เปิดโอกาสให้นักผลิตซอฟต์แวร์เขียนโปรแกรมสำหรับใช้บนระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ และกลยุทธ์ลักษณะนี้เองที่ทำให้ไมโครซอฟท์มีกำไรและสร้างผู้ยิ่งใหญ่อย่างบิลล์ เกตส์ได้
ปัจจุบันนี้ซักเกอร์เบิร์กกำลังถูกบททดสอบอยู่ 2 เรื่อง คือถูกฟ้องร้องคดีด้วยข้อกล่าวหาว่าเป็นผู้ขโมยความคิดการทำเฟซบุ๊กมาจากเพื่อนนักเรียนที่ฮาร์วาร์ด และกรณีที่เฟซบุ๊กจะเน้นการสร้างชุมชนเพื่อทำธุรกิจทางออนไลน์ ดังนั้นจึงต้องจูงใจนักลงทุนทั้งหลายว่าความคิดเรื่องแผนที่ของเขาสามารถดำเนินการทางธุรกิจได้ เพราะคนส่วนใหญ่อาจคิดว่าการเข้าไปที่เฟซบุ๊กนั้นเพื่อสร้างสังคมมากกว่าที่จะเข้าไปจับจ่ายใช้สอย
แต่ซักเกอร์เบิร์กเคยกล่าวอย่างติดตลกว่า "ขณะนี้เราเป็นเว็บไซต์อันดับ 6 ที่ยิ่งใหญ่ในสหรัฐ และดูเหมือนเราก็ไม่เข้ากับคนอื่นๆ สักเท่าไร แต่พวกเราก็เพิ่งจะข้ามผ่านอีเบย์ไป และจะทำงานเพื่อข้ามกูเกิลด้วย"



"
แอนนี่บรู๊ค" ยันไม่เคยพูดท้องกับ"ฟิล์ม"ไม่คิดทำร้ายใคร ลั่นเลี้ยงลูกเองได้ ไม่ตรวจดีเอ็นเอแล้ว

เมื่อเวลาประมาณ 08.00 น. วันที่ 17 ก.ย. นักแสดงสาว "แอนนี่ บรู๊ค" หรือ"รุ่งนภา แก้วไทรหาญ" ที่ตกเป็นข่าวมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับ ฟิล์ม-รัฐภูมิ โตคงทรัพย์" นักร้องนักแสดงชื่อดังจากค่ายอาร์เอส จนฝ่ายหญิงตั้งครรภ์แล้วเก็บตัวเงียบ กระทั่งปัจจุบันคลอดบุตรชายอายุ 3 เดือน ออกมาแล้ว ให้สัมภาาษณ์ทางโทรศัพท์ ผ่านรายการเรื่องเล่าเช้านี้ ทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ถึงการแถลงข่าวของฝ่ายชาย ที่ยอมรับว่า คบกันจริง แต่ไม่ได้เป็นแฟน และพร้อมรับผิดชอบทุกอย่าง รวมถึงให้พิสูจน์ดีเอ็นเอ ว่า ขอบคุณฝ่ายชายที่ไม่ปฏิเสธที่บอกว่ารู้จักแอนนี่ แต่ก็เสียใจและผิดหวังในบางคำพูด เรื่องราวทั้งหมดแอนนี่ไม่มีเจตนาที่จะทำร้ายใครทั้งสิ้น และเรื่องราวที่มาถึงวันนี้ แอนนี่ไม่ได้ต้องการที่จะเป็นข่าว เรื่องราวไม่ได้หลุดมาจากแอนนี่ ทั้งนี้ ตนและฟิล์มรู้จักกันตอน เล่นละครปีศาจแสนกล ทางช่อง 3 ด้วยกัน สำหรับตนแล้ว เขาก็เป็นผู้ชายคนนึงที่เคยรู้สึกดีดี และเคยเป็นคนที่มีคำว่ารักให้


" หนูพูดได้คำเดียวว่า หนูเคยรักผู้ชายคนนี้มากคะ ถ้าถามว่าออกหน้าออกตาออกสื่อไหม ก็คงรู้ว่ามันไม่ได้มีข่าว ไม่มีอะไร แต่ความรู้สึกของหนู ก็มีความรู้สึกดีดีกับผู้ชายคนนึง หนูไม่อยากพูดอะไรแบบที่ทำให้เขาต้องเสียหาย หนูไม่มีเจตนา ถ้าถามคบกันแล้วห่างหายกันไปแล้วเพิ่งมาพูดเนี่ย แม้แต่ในกองละคร (ปีศาจแสนกล) ก็รู้ดี ไม่ใช่แค่หนูหรือตัวเขา" แอนนี่กล่าว

แอ นนี่ บรู๊ค กล่าวอีกว่า ตนเข้าใจเขาทุกอย่าง ว่ามันจะต้องออกมาเป็นแบบนี้ ตอนนี้ไม่โกรธไม่เสียใจแล้วและเข้าใจทุกอย่าง เมื่อคืนที่ผ่านมา (16 ก.ย.) ก็ไม่ได้นอนเลย แล้วยิ่งตอนนี้ก็ไม่สบายด้วย และน้องก็เพิ่งออกจากรพ.ด้วย ก็เลยป่วยทั้งแม่และลูกชาย ส่วนชื่อเล่นของเด็กตอนนี้ ยังไม่มีเลย ยังไม่ได้ตั้ง"


นักแสดงสาว ยังกล่าวย้ำว่า ตั้งแต่ รู้ว่าตัวเองท้องจนถึงทุกวันนี้ ยืนยันไม่มีเจตนาว่าจะทำร้ายใครทั้งสิ้น หรือไปเรียกร้องความเห็นใจ หรือความรับผิดชอบจากใคร หรือจะไปทำลายชื่อเสียงใครทั้งสิ้น เด็กคนนี้ตนจะเลี้ยงเอง ไม่ต้องการความช่วยเหลือจากใครทั้งสิ้น เพราะเขาเป็นสมบัติของตน คนในกองละครก็รู้ดี เรื่องการช่วยเหลือก็มีบ้าง

"เขาบอกว่าจะช่วยในฐานะเพื่อนคนนึง หนูก็รับจากเขา แต่ยืนยันไม่ได้ไปร้องขอให้มาช่วยเหลือ"

" ครอบครัวหนู ไม่มีอยากให้มีเสียหายกับใคร เคยมีความคิดไปตรวจ DNA แต่ความรู้สึกนั้นผ่านไปแล้ว ไม่ต้องไปตรวจแล้ว หนูเลี้ยงได้ หนูก็เลยไม่คิด ก็เลยบอกไปว่า ไม่เป็นไร ช่างมัน ณ ตอนนี้ตรวจ DNA เพื่ออะไรแล้ว หนูยังไม่เคยพูดด้วยซ้ำว่าใครเป็นพ่อ แต่ที่เป็นข่าวขึ้นมา เพราะว่ามีข่าวอักษรย่อซุปเปอร์สตาร์ ฟ.ฟัน แต่หนูขอพูดตรงนี้เลยว่า หนูเคยพูดแล้วสัญญากับใครบางคนว่าหนูจะไม่มีทางทำร้ายเขาเด็ดขาด จนถึงวันนี้หนูก็ยังยืนยันคำเดิมว่าหนูจะไม่ทำและไม่เคยคิดจะทำด้วย"


อย่างไรก็ตาม ในช่วงสุดท้ายของการให้สัมภาษณ์ แอนนี่ บรู๊ค ฝากถึง ฟิล์มว่า "ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง หนูเคยรู้สึกดีอย่างไร ทุกวันนี้ ก็รู้สึกดีอยู่ และอยากให้รู้ว่าไม่เคยมีเจตนาทำร้ายเขาให้เสียชื่อเสียง ไม่ต้องห่วง"

แอนนี่ยันไม่ตรวจ DNA เผยทั้งน้ำตายังรักฟิล์ม


แอนนี่ บรู๊ค ย้ำรัก ฟิล์ม มาก ไม่คิดทำลาย (ไอเอ็นเอ็น)

แอนนี่ บรู๊ค เปิดใจหลังมีข่าวตั้งท้องกับ ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ ยอมรับเคยรักมาก ยันไม่เสียใจและไม่มีเจตนาออกมาทำร้ายใคร โต้สร้างกระแส เมินตรวจ DNA อ้างฝ่ายชายไม่ยอมรับตั้งแต่ต้น ลั่นเลี้ยงลูกคนเดียวได้

หลังจากเมื่อวานนี้ (16 ก.ย.) นักร้องหนุ่มชื่อดัง ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ ออกมาแถลงข่าวถึงกรณี มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับ ดาราสาว แอนนี่ บรู๊ค จนตั้งท้อง และคลอดลูกได้ 3 เดือนแล้ว ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมรับว่า เคยคบกับดาราสาวจริง แต่ไม่ใช่ในฐานะแฟน และหากผลตรวจ DNA ออกมาเป็นลูกจริง ก็ยินดีรับผิดชอบ

ล่า สุดเช้า (17 ก.ย.) แอนนี่ บรู๊ค ได้ออกมาเปิดใจ ในรายการเรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง 3 เอ่ยขอบคุณนักร้องหนุ่มที่ไม่ปฏิเสธว่าเคยคบกัน แต่ยอมรับว่าเสียใจในบางคำพูด แต่ไม่ขอบอก ยืนยันว่าที่ออกมาพูดไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายใคร และไม่ต้องการสร้างข่าว แต่ยอมรับว่าเคยรักผู้ชายคนนี้มาก มีความรู้สึกดีให้

แอนนี่ บรู๊ค กล่าวว่า ที่ผ่านมาการคบกันอาจจะไม่ออกหน้าออกตา จึงไม่อยากพูดอะไรให้ใครเสียหาย ส่วนความสัมพันธ์นั้น เริ่มต้นจากการที่เล่นละคร ปีศาจแสนกล ด้วยกัน ทุกคนในกองละครก็รู้ดี ก็ยอมรับที่ ฟิล์ม มีความเป็นสุภาพบุรุษ ช่วยค่าใช่จ่าย ตอนนี้ลูกชายก็อายุได้ 3 เดือนแล้ว ยังไม่ได้ตั้งชื่อ แค่เรียกชื่อเล่นๆ ว่า เสือใหญ่บ้าง ภาษิตบ้าง ตอนนี้ก็ไม่สบายเป็นหวัดอยู่

นอกจากนี้ แอนนี่ บรู๊ค ยังกล่าวอีกว่า จะ ไม่ขอตรวจ DNA เหตุเพราะเคยเรียกร้องไปแล้ว แต่ฝ่ายชายไม่ยอมรับตั้งแต่ต้น อีกทั้งตนจะขอเลี้ยงลูกเอง เพราะเป็นสมบัติของตนเอง จะไม่เรียกร้องใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่อยากให้ใครเสียหาย ซึ่งรายละเอียดทั้งหมด แอนนี่ บรู๊ค จะขอพูดในรายการ เรื่องเด่นเย็นนี้ ทางช่อง 3 อีกครั้ง

วันพุธที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2553

5วิธี กลับมา รักตัวเอง

คุณรักตัวเองเป็นไหม? คำถามง่ายๆ ที่อาจทำให้คุณ ต้องกะพริบตาปริบๆ ก่อนนิ่งไป พักใหญ่ ไม่ใช่เรื่องแปลกหากคุณไม่แน่ใจ เพราะการรักตัวเอง "เป็น" กับสัญชาตญาณรัก แบบเห็นแก่ตัวนั้น มีความหมายใกล้ กันแค่คืบ

ความสัมพันธ์ ที่เรียกว่า "ฉันรักเขา" ดูจะเป็นตัวบ่งบอกได้ชัดเจนที่สุด ถ้าคุณอยากจะวัดปริมาณความรักที่ คุณมีต่อตัวเอง คุณสามารถ เอาเรื่องรักกุ๊กกิ๊กระหว่างเขาและคุณมาเป็นข้อชี้ชัดได้ ถ้าคุณกำลังเข้าข่ายหน้ามืด ตามัว มองว่าหนุ่มของคุณคือพ่อเทพบุตรมาโปรด กรณีนี้ขอให้คุณจงรับรู้เอาไว้ ว่าคุณกำลังเข้าข่ายไม่ซื่อ (สัตย์) กับตัวเองเสียแล้ว หรืออีกนัยหนึ่งคุณกำลังละทิ้งหน้าที่สำคัญที่ควรทำเป็นที่สุด นั่นคือการ "รักตัวเอง" ซึ่งมีค่ามากกว่าสิ่งไหน

บท ความนี้จะเป็นเพียงข้อชี้แนะเล็กๆ เพื่อให้คุณได้ค้นพบว่า เมื่อคุณมอบ "ความรัก" ให้ใครสักคน ทัศนคติที่คุณมีต่อเขาจะต้องเปลี่ยน ไปด้วย แน่นอนว่าไม่ใช่เพื่อใคร...ก็เพื่อตัวคุณเองนั่นแหละ

1. ปรับทัศนคติ คิดเชิงบวกให้มากๆ

ข้อ นี้สำคัญมาก ถือว่าเป็นพื้นฐานในการที่คุณจะรักตัวเอง การปรับทัศนคติย่อมส่งผลให้ตัวคุณเป็นผู้หญิง ที่มองอะไรกว้างขึ้น เพราะการคิดในเชิงบวกคือการหว่านพืชทางด้านความคิด มองอะไรเป็นเหตุเป็นผล แต่ ก่อนอื่นคุณต้องยินดีที่จะทำการเปลี่ยนแปลงด้วย ในกรณีนี้คุณอาจเริ่มต้นด้วยมองชายหนุ่มของคุณเป็นเพียง ผู้ชายคนหนึ่ง ที่เขามีความรักให้กับคุณและคุณ ก็มีความรักให้กับเขา (ในระดับเท่าๆ กัน) อย่าได้เผลอคิดไป ว่า คุณรักเขาเหลือเกิน (พยายามอย่าคิดว่าความรักเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในชีวิต) เพราะนั่นเป็นเพียงจิตใต้สำนึก ที่กำลังออกคำสั่ง ให้คุณทำตามเท่านั้น การคิดเชิงบวกยังรวมถึงการไม่คิดเข้าข้างตัวเอง เพราะการคิดเช่นนั้น จะ ทำให้คุณคิดเองเออเองไปเสียทุกอย่าง และถ้าไม่ได้เป็นไปอย่างที่คุณคิด คุณก็อาจจะเจ็บตัวเจ็บใจเอาได้ ง่ายๆ

2. เลิกมองตัวเองในแง่ร้าย

หลัง จากที่คุณปรับความคิดในเรื่องของความรักแล้ว สิ่งที่คุณควรกระทำต่อมาคือการหยุดมองตัวเองใน แง่ร้าย ขั้นตอนนี้เราสังเกตได้ง่ายมาก เช่น ถ้าคุณกำลังวิตกว่าคุณดูอ้วนไป ผอมไป หรืออะไรก็ตามแต่ความคิด ที่จะตามมาก็คือ "แล้วเขาจะรักฉันไหม?" ลองละทิ้งผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นในหัวของคุณเสียหน่อยดีกว่า เพราะอย่าง น้อยๆ อาจจะทำให้คุณได้หยุดมองตัวเองอย่างที่คุณเป็น และไม่ดูถูกตัวเอง จากสถิติที่ผ่านมาผู้หญิง ถึงร้อยละ เก้าสิบคิดเอาเองก่อนทั้งนั้น ว่าเราต้องสวยเขาถึงจะรัก ทางแก้ของการมองตัวเองในแง่ร้ายก็คือ ต้องวางเป้าหมายของเราให้ชัดเจน อย่างเช่น ถ้าคุณอ้วนไปและจะลด น้ำหนักก็เพื่อสุขภาพของตัวเอง ที่สำคัญที่ สุดคือ อย่าหวาดหวั่นกับคำพูดใดๆ และต้องเชื่อในคุณค่าของตัวเองอยู่เสมอ

3. จัดรูปแบบของความรัก

การ จัดรูปแบบความรักที่ดีจะส่งผลให้คุณรู้คุณค่าของความรักรวมถึงตัวคุณเอง ซึ่งอาจจะคล้ายๆ กับการ วางแผนชีวิต เหตุผลทั้งหมดคือ เพื่อป้องกันตัวเอง และทำให้คุณเห็นค่าตัวเองมากขึ้น คุณอาจจะทำข้อตกลง กับตัวเอง โดยการแบ่งหัวใจของคุณเป็นวงกลม แล้วแบ่งวงกลมนั้นเป็นสี่ส่วนเท่าๆ กัน จากนั้นให้คุณจับจอง อัตราสามในสี่ ส่วนเป็นของคุณ และหนึ่งส่วนที่เหลือคือ พื้นที่ของเขา สิ่งสุดท้ายคือการเขียนข้อตกลงของตัว คุณเอง เช่น ถ้าเราทะเลาะกันฉันจะไม่เสียใจ หรือฉันจะพูดกับเขาด้วยเหตุผลในทุกๆ ครั้ง การจัดรูปแบบจะ ทำให้คุณไม่ลดค่าตัวเองลง ซึ่งคุณจะรู้เองว่าเมื่อคุณทำตามนั้นได้จริง คุณจะดูมีค่ามากแค่ไหน

4. อย่าเอา "ความรัก" นำทาง

ตัวอย่าง เช่น ถ้าคุณกำลังเลิฟอยู่กับหนุ่ม A และเขาก็ดูรักคุณอย่างเหลือกำลัง พร้อมมี ดอกไม้ช่อใหญ่ให้ คุณในทุกๆ เช้า คุณสามารถตอบรับกับสิ่งที่หนุ่ม A ทำให้กับคุณได้ด้วยการแสดงออกแต่พองาม เช่น การ ส่งการ์ดขอบคุณให้เขา ด้วยข้อความที่ว่า "ขอบคุณสำหรับดอกไม้ค่ะ" หรืออะไรสั้นๆ ทำนองนี้ จะทำให้เขา รู้ว่าคุณก็สนใจเขา แต่ก็ไม่ถึงกับคลั่งไคล้จนเกินเหตุ อย่าลืมว่าถ้าคุณมัวแต่หลงระเริงกับความสุขที่ได้จนมาก เกินไป นั่นอาจจะทำให้คุณอ่อนแอที่สุด และเมื่อคุณยับยั้งไม่ให้ความรักมาอยู่เหนือใจตัวเองแล้ว ทุกสิ่งทุก อย่างจะดูเป็นเรื่องปกติ ทั้งยังทำให้คุณดูดี ไม่เป็นที่ตำหนิในสายตาคนอื่นๆ อีกด้วย

5. หนักแน่นเข้าไว้

ถ้า คุณเชื่อมั่นในตัวเองและได้ผ่านกระบวนการทั้งสี่ข้อที่ว่ามาแล้ว ความหนักแน่นจะเกิดกับคุณ ไม่ว่าจะ เรื่องราวใดๆ ที่ทำให้คุณผิดหวังหรือทำให้คุณเสียใจ คุณจะผ่านมันไปได้อย่างที่คุณอาจจะแปลกใจ ต้องมั่น ใจด้วยว่าไม่ว่าเรื่องอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม คุณจะเผชิญกับปัญหา นั้นไหว ความหนักแน่นเท่านั้นที่จะสามารถ ทำให้คุณยืนแล้วสู้กับทุกสิ่งได้

เมื่อ ใดก็ตามที่สติของคุณเริ่มไม่อยู่กับตัว จำเอาไว้ว่า ความสามารถของการรักตัวเอง ก็จะลดลงไปด้วย ทางที่ดีคุณควรรักษาความซื่อสัตย์ที่เกิดกับตัวเอง และควบคุมเหตุผลให้ อยู่เหนืออารมณ์ให้ได้ในทุกๆ วินาที เพียงแค่นี้คุณก็จะรักตัวเองและเข้าใจตัวเอง อย่างที่ คุณก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะเกิดกับคุณได้

นเดอร์เกิร์ล vs เบบี้วันเดอร์เกิร์ล น่ารักมั๊กๆ

หัวเกรียนร้อง Tik Tok

ตำแหน่งสิว บอกเรื่องสุขภาพได้ (จริงหรือไม่)


น้าผากซ้าย-ขวา
สาวๆ ที่เป็นสิวบริเวณหน้าผากซ้าย-ขวา มักพบปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อย กระเพาะปัสสาวะและต่อมหมวกไต หรือสาเหตุอื่นๆ อาจเกิดจากการทำความสะอาดผิวหน้าไม่ดีพอหรือจากภาวะที่ร่างกายมีความเครียด สะสม

หว่างคิ้ว
สิว ที่ขึ้นบริเวณหว่างคิ้ว มักพบปัญหาเกี่ยวกับการย่อยน้ำตาลแล็กโทสซึ่งส่วนใหญ่พบอยู่ในน้ำนม หรือสาเหตุอื่นๆ อาจเกิดจากการทานอาหารรสจัด หรือระบบการดูดซึมที่ไม่สมบูรณ์ของกระเพาะและลำไส้เล็ก

ภายในหู
สิว ภายในหู มักเกี่ยวกับการทำงานของไต หรือสาเหตุอื่นๆ อาจเกิดจากการใช้โทรศัพท์มือถือนานเกินไป รวมไปถึงการรับประทานเนื้อสัตว์ ดื่มกาแฟ และแอลกอฮอล์มากเกินไป

แก้มส่วนบน
สิวที่เกิดบริเวณแก้มส่วนบนหมายถึงอาจมีอาการไซนัสและปอด หรือสาเหตุอื่นๆ อาจเกิดจากการสูบบุหรี่จัด ภูมิแพ้ และเป็นหวัดเรื้อรัง

แก้มส่วนล่าง
สาวๆ ที่เป็นสิวบริเวณแก้มส่วนล่าง อาจพบปัญหาเกี่ยวกับเหงือกและฟัน หรือสาเหตุอื่นๆ อาจเกิดจากการใช้โทรศัพท์มือถือที่ไม่สะอาด

รอบดวงตา
เมื่อ มีสิวเกิดขึ้นบริเวณรอบดวงตาทั้งสอง อาจมีปัญหาเกี่ยวกับการทำงานของไตหรือโรคภูมิแพ้ หรือสาเหตุอื่นๆ อาจเกิดจากการสวมแว่นตาที่เสียดสีกับผิวมากเกินไป

จมูกและเหนือริมฝีปาก
สิว ที่ขึ้นบริเวณจมูกและเหนือริมฝีปาก มักพบปัญหาจากการทำงานของหัวใจและระบบสืบพันธุ์ หรือสาเหตุอื่นๆ อาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนภายในร่างกาย หรืออยู่ในระหว่างการใช้ยาคุมกำเนิด

ใต้ริมฝีปาก
สาวๆ ที่เป็นสิวบริเวณใต้ริมฝีปาก อาจมีปัญหาเกี่ยวกับการทำงานของรังไข่ หรือสาเหตุอื่นๆ อาจเกิดจากภาวะการขาดความสมดุลย์ของฮอร์โมนภายในร่างกาย หรือการทำความสะอาดไม่ดีพอ

ปลายคาง
สิว ที่ขึ้นบริเวณปลายคาง มักพบปัญหาที่บริเวณกระเพาะอาหารและลำไส้เล็ก หรือสาเหตุอื่นๆ อาจเกิดจากการทานอาหารรสจัดจนลำไส้เล็กเป็นแผลหรือมีปัญหาในเรื่องการดูดซึม

สรุป ว่าการดูแลรักษาใบหน้าให้สะอาดหมดจด พักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานผักผลไม้ อาหารที่มีประโยชน์เป็นสิ่งที่สาวๆ ควรทำอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ แต่สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้นอกจากสิ่งเหล่านี้ คือ การทำจิตใจให้ปลอดโปร่ง ลดความกังวลเกี่ยวกับปัญหาเรื่องสิวลงไปบ้าง มองโลกในแง่บวกว่าตัวเราเองก็มีจุดเด่นในด้านอื่นๆ อีกมากมาย เพียงเท่านี้ก็จะช่วยเรียกความมั่นใจของสาวๆ กลับคืนมา และทำให้สาวๆ กลายเป็นสาวพราวเสน่ห์ได้อย่างง่ายดาย


ทำนายบุคลิกจากเวลาเกิด

ผู้ที่เกิดเวลาตี 5 ถึง 7 โมงเช้า

ช่วงเวลานี้เป็นเวลากระต่าย จะทำให้คุณเป็นคนรักสวยรัก งาม ทำอะไรละเอียดอ่อน สะอาดสะอ้าน ชอบแต่งตัวให้ดูดีเสมอ บุคลิกของคุณจะค่อนข้างสุภาพดูอ่อนโยน พูดจาหวานและนอบน้อมถ่อมตัว มีมารยาทเป็นเลิศ ดูแล้วผู้ดี๊ผู้ดี สงบเงียบเรียบร้อยเป็นผู้ใหญ่ ด้านนิสัยใจคอแม้จะดูเงียบนุ่มปานนั้น ลึก ๆ มั่นใจและทะเยอทะยานไม่น้อย เป็นคนเข้มแข็งข้างใน รู้จักระมัดระวังรอบคอบ เป็นนักการทูต จิตวิทยาสูง มีความเข้าอกเข้าใจคนอื่นดี ใจกว้าง โกรธง่ายหายไว จิตใจดี ใจอ่อน ชอบทำบุญ ชอบช่วยเหลือ รสนิยมดี

ผู้ที่เกิดเวลา 7 โมงเช้าถึง 9 โมงเช้า

เวลา นี้เป็นเวลามังกร บุคลิกของคุณจะดูหยิ่งทะนงมาก ท่าทางสง่าผ่าเผย ดูหัวสูง ติดหรู ความทะเยอทะยานจะเห็นได้ชัด คุณดูน่าเกรงใจ เข้าถึงยาก มีความเป็นผู้นำสูง นิสัยของคุณจริง ๆ แล้วเป็นคนใจกว้างและเด็ดเดี่ยว รักศักดิ์ศรี โมโหร้าย บุ่มบ่าม มุทะลุ ทำอะไรต้องตรงไปตรงมา ไม่ชอบเรื่องเล่ห์เหลี่ยม ในด้านดีอยู่ที่เป็นหลักพึ่งพิงได้ รับผิดชอบสูงและขี้สงสาร เป็นคนที่มีประสิทธิภาพสูงทีเดียวนะ อนาคตของคุณค่อนข้างแจ่มแจ๋วด้วยความมุ่งมั่นบากบั่นของคุณนั่นแหล่ะ

ผู้ที่เกิดเวลา 9 โมงเช้าถึง 11 โมงเช้า

คน ที่เกิดสาย ๆ เวลานี้ซึ่งเป็นเวลางู โดยมากจะหน้าตาดี แต่งตัวดีเสมอ ด้วยของหรูหราราคาแพงหรือมียี่ห้อ ภาพพจน์ของคุณต้องมาก่อนเสมอบุคลิกของคุณดูเงียบขรึม เรียบร้อยสุภาพนุ่มนวล มายาทดี พูดจาหวานหูชื่นใจ นิสัยข้างในค่อนข้างฉลาด เก็บความรู้สึกและความต้องการได้นิ่งลึกมาก คุณรักการแข่งขันชิงดีชิงเด่น มีความทะเยอทะยานสูง ชอบทำตัวเด่น อยากมีชื่อเสียง เป็นนักวางแผนผู้ชาญฉลาดใจแข็งไม่หวั่นไหวอ่อนข้อให้ใครง่าย ๆ ถ้าจะล้วงความลับจากตัวคุณคงไม่ง่ายนักหรอก

ผู้ที่เกิดเวลา 11 โมงเช้าถึงบ่ายโมง

เวลาเกิดช่วงนี้เป็นเวลาม้า ทำให้คุณมีบุคลิกของนักกีฬา แข็งแรงอดทน ร่าเริงคึกคัก ชอบสนุกสนาน เรื่องตลกโปก ฮาล่ะชอบนัก ความที่รักอิสระเสรีกับการเป็นนักผจญภัย ถือเป็นจุดเด่นในตัวคุณ มีความเป็นตัวของตัวเอง ชอบแหกกฎ นิสัยของคุณเป็นคนใจกว้าง กระตือรือร้นมากแต่รอบคอบไม่เป็น ใจร้อน ชอบทำก่อนคิด กล้าลุยไปข้างหน้า จิตใจเข้มแข็ง มานะบากบั่น มีความจริงใจสูง รักเพื่อนและครอบครัว เวลามีทิฐิจะเป็นคนหัวแข็ง ดื้อรั้นสุด ๆ เวลาน่ารักจะมีชีวิตชีวาน่าตื่นเต้น เจอมรสุมก็ยังลุกขึ้นสู้ได้ ยิ้มได้ทั้งน้ำตาเลยนะคุณน่ะ

ผู้ที่เกิดเวลาบ่ายโมงถึงบ่าย 3 โมง

คุณ ที่เกิดเวลานี้เป็นเวลาแพะ จะเป็นคนใจดีอ่อนโยนจนถึงขั้นขลาดเขิน บุคลิกท่าทางของคุณจะสุภาพอ่อนโยน นุ่มนวลมีมารยาท ดูสุขุมใจเย็น ไม่มีพิษไม่มีภัย ขี้อายแต่มีความคิดสร้างสรรค์ ช่างฝัน มีไอเดียมัน ๆ กับเรื่องตลกจี้เส้น ที่ทำให้หัวเราน้ำหูน้ำตาไหล บางเวลาดูเศร้าซึมเพราะชอบคิดมากเกินเหตุ จิตใจดีทำร้ายใครไม่เป็น ถ้าถูกรังแกจะสู้ยิบตา มีความมั่นใจซ่อนไว้ใต้ท่าทางอ่อนโลกติ่ม ๆ คุณเป็นคนซื่อตรงรักสงบ เกลียดความรุนแรง อะไร ๆ ก็ดีหมด ยกเว้นเรื่องดื้อรั้นของคุณ ครองแชมป์ตลอดกาลเลย

ผู้ที่เกิดเวลาบ่าย 3 โมงถึง 5 โมงเย็น

คุณ ที่เกิดเวลาบ่าย ๆซึ่งเป็นเวลาของลิง จะมีอิทธิพลทำให้คุณค่อนข้างแอ็กทีฟไม่อยู่เฉย บุคลิกของคุณดูเปิดเผย ใจร้อนและซุ่มซ่ามนิสัยของคุณเหมือนเด็ก ๆ ชอบเล่นพิสดาร คุณเป็นคนฉลาดหัวไว มีไหวพริบกล้าพูดกล้าทำ ตรงไปตรงมา เป็นนักวางแผนและรู้จักเอาตัวรอด มีเล่ห์กลแต่ไม่ทำร้ายใครลับหลัง มีความสามารถรอบตัว ปรับตัวเข้ากับคนได้ทุกระดับ ทุ่มเทกับการงานมาก งานดีเชื่อมือได้ เสน่ห์ในตัวอยู่ที่ความขี้เล่นมีชีวิตชีวาเฮฮา แม้ท่าทางจะดูคล้ายกะล่อนเล็ก ๆ แต่ก็หนักแน่นจริงใจมากนะ

ผู้ที่เกิดเวลา 5 โมงเย็นถึง 1 ทุ่ม

ช่วง หัวค่ำเป็นเวลาไก่ ส่งผลให้คุณเป็นคนเข้มแข็ง หยิ่งยโส หัวรุนแรง ขวางโลก และหัวโบราณ คุณเป็นคนที่ชอบ แต่งตัวใช้แต่ของดีมีราคา บุคลิกขี้อวดไม่ใช่เล่น ว่าฉันเนี่ยรสนิยมดีนะ ในส่วนลึกของจิตใจคุณเป็นนักอนุรักษ์นิยม เจ้าระเบียบ จู้จี้ ขี้บ่นเก่ง หงุดหงิดง่ายดาย ไม่ยอมเสียเงินแบบไร้ค่า ยกเว้นเรื่องภาพพจน์ล่ะก็โอ.เค. คุณมีหัวในการบริหารควบคุม มีความเด็ดขาดละเอียดถี่ถ้วน ต่อสู้กับอุปสรรคไม่มีถอย ยามอารมณ์ดีจะเป็นคนสนุก ชอบล้อเล่น ใจกว้าง มีน้ำใจนักกีฬา ไม่ชอบการใช้อำนาจ เกลียดคนอวดเบ่งที่สุด

ผู้ที่เกิดเวลา 1 ทุ่มถึง 3 ทุ่ม

คุณทีเกิดช่วงเวลานี้เป็นเวลาของหมา ทำให้คุณเป็นคนรักคุณธรรม ความถูกต้องซื้อสัตย์ จริงใจมาก จนถึงขั้นยึดมั่น ถือมั่นทีเดียว ยืดหยุ่นไม่ค่อยเป็น คิดและทำอะไรก็ตามตรง ทื่อไปหมด ไม่กล้าแหกกฎระบบระเบียบจนเกินไป ชีวิตถึงไม่ค่อย มีอะไรแปลกใหม่ บางครั้งจึงดูน่าเบื่อและแสนเซ็ง มีความขยัน ฉลาด แต่พลิกแพลงไม่เป็น เอาตัวไม่ค่อยรอด คุณเกิดมาเป็นนักปกป้องคุ้มครองคนอื่นมองโลกแบบตรงไปตรงมา ไม่เพ้อฝัน ขาดอารมณ์โรมานซ์ แต่ก็เป็นคนตลกจี้เส้นเพราะมองโลกในแง่ดี เรื่องเสียสละเพื่อคนอื่น คุณเป็นเจ้าชาย-เจ้าหญิงในเรื่องนี้เลยล่ะ ซื่อไปนิดเซ็งไปหน่อยแต่จริงใจไม่มีใครเทียบได้เลย

ผู้ที่เกิดเวลา 3 ทุ่มถึง 5 ทุ่ม

คุณ ที่เกิดเวลาหมู อันเป็นช่วงเวลาแห่งการพักผ่อน ทำให้คุณขี้เกียจนิด ๆ เฉื่อยหน่อย ๆ คุณรักความเรียบง่ายไม่มากเรื่อง สุภาพอ่อนโยน ใจดี และอบอุ่น บุคลิกออกจะนุ่ม ๆ คุณมีจิตใจดี จริงใจ มีอารมณ์สุนทรีย์ รักดนตรี ศิลปะสวยงาม มีความโรมานซ์ในหัวใจ แม้จะพูดน้อย แต่เอาอกเอาใจเป็นเลิศ คุณชอบแต่งตัวแบบผู้ดี๊ผู้ดี รสนิยมดี ชอบทำอาหารและ ชอบกินด้วย รูปร่างจึงออกจะแข็งแรงและสมบูรณ์ คุณเป็นคนใจกว้างและชอบให้อภัย หากถูกทำร้ายจะกลายเป็นหมูป่า สู้ถวายชีวิต ความคิด และการกระทำจะเป็นแบบค่อยๆเป็นค่อย ๆ ไป รอบคอบใจเย็นจนกว่าจะมั่นใจนั่นแหล่ะถึงจะลุย ไม่ว่าคุณจะหญิงหรือชาย คุณจะเป็นแม่บ้านพ่อเรือน และรักครอบครัวมาก

ผู้ที่เกิดเวลา 5 ทุ่มถึงตี 1

เป็น เวลาของหนู คุณที่เกิดเวลานี้จะมีบุคลิกกระตือรือร้น ร่าเริงปราดเปรียวสดใส แต่มีความระแวดระวัง ฉลาดหัวไวไหวพริบดี ตรงไปตรงมาไม่มีเล่ห์เหลี่ยม บุคลิกท่าทางดูขรึม พูดน้อย เฉยชาแต่มีมารยาท รักเพื่อน มีความสุขในหมู่เพื่อน ๆชอบช่วยเหลือและมีน้ำใจ จุดเด่นคือความขยัน และสะสมเก่งคุณมักมีเงินสำรองช่อนไว้ไม่มีใครรู้หรอก ชอบวางแผนการเงิน ประหยัดไม่ฟุ่มเฟือย เป็นคนมีระเบียบ บากบั่นมุ่งมั่นสูง ปรับตัวเก่ง มีความรักแบบผู้ให้ รักบ้านรักครอบครัว แต่ก็รักอิสระ ไม่อยากถูกผูกมัด กว่าจะลงเอยกับใครสักคน คิดนาน คิดลึก จนผมหงอกเลยเชียวล่ะ

ผู้ที่เกิดเวลาตี 1 ถึงตี 3

เวลา นี้เป็นเวลาของวัว ทำให้คุณทำอะไรช้ากว่าชาวบ้าน บุคลิกท่าทางแข็งแรงบึกบึน และอึดเป็นบ้าเลย เป็นคนเฉื่อยแบบใจเย็น ๆ โกรธยากแต่โกรธทีเหมือนระเบิดลง ข้อดีอยู่ที่มีความบากบั่นมีระเบียบ ขยันอดทนหนักแน่น อยู่ในจำพวกสมบูรณ์แบบนิยม ทำอะไรตรงไปตรงมา ไม่รู้จักปรับตัว ไม่มีเล่ห์เพทุบายกับใครเค้าหรอก คุณน่ะทื่อตรง จนไม่ค่อยทันใคร ขาดอารมณ์ขัน ตลกก็ตลกแบบฝืดๆ โดยปกติเป็นคนอดทนมาก ไม่ชอบความรุนแรง การทะเลาะวิวาท เลี่ยงได้จะเลี่ยง ถ้าเลี่ยงไม่ได้คุณจะเปลี่ยนร่างเป็นวัวกระทิงขวิดสุดฤทธิ์ทีเดียว

ผู้ที่เกิดเวลาตี 3 ถึงตี 5

คุณ ที่เกิดเวลานี้จะเป็นคนดวงแข็ง เพราะนี่เป็นเวลาเสือ ส่งผลให้คุณหุนหันพลันแล่น ก้าวร้าวเข้มแข็งและดูมีอำนาจ คุณมีจิตใจที่กล้าหาญเด็ดเดี่ยว มั่นใจในตัวเองสูง แต่ขาดความรอบคอบ เพราะอารมณ์อยู่เหนือหัวใจ แต่ก็เป็นคนใจดี ชอบเสียสละ ใจกว้างไม่จุกจิกกับเรื่องเล็ก ๆ น้อยๆ มีความรับผิดชอบ ชอบฉายเดี่ยวไม่อยู่ติดที่ คุณมักจะมองโลกในแง่ดี มีอารมณ์ขัน ขี้โม้โอ้อวด หลงใหลเรื่องรักใคร่โรแมนติก ชอบเผลอปล่อยตัวปล่อยใจไปชั่ววูบ มีความเซ็กซี่เป็นเสน่ห์ส่วนตัวที่น่าดึงดูดใจ ข้อเสียมีแค่ไม่รู้จักยอมออมชอมบ้างขาวเป็นขาว ดำเป็นดำ จะหาสีเทาจากคุณน่ะยากเหลือเกิน

ครูฟิวส์ขาด บีบีแหลกยับคาห้องเรียน

ธรรมะคติสอนใจ

ในเวลา - คุณค่าชีวิต

คนบางคน ใช้เวลาทั้งชีวิตให้หมดไปกับความโลภ
โดยลืมไปว่า ตัวเองเกิดมาเพื่ออะไร

คนบางคน ใช้เวลาทั้งชีวิตให้หมดไปกับการหาเงิน
โดยลืมไปว่า ตัวเองเกิดมาเพื่ออะไร

คนบางคน ใช้เวลาทั้งชีวิตให้หมดไปกับความแค้น
โดยลืมไปว่า ตัวเองเกิดมาเพื่ออะไร

คนบางคน ใช้เวลาทั้งชีวิตให้หมดไปกับความริษยา
โดยลืมไปว่า ตัวเองเกิดมาเพื่ออะไร

คนบางคน ใช้เวลาทั้งชีวิตให้หมดไปกับความหลังอันหดหู่
โดยลืมไปว่า ตัวเองเกิดมาเพื่ออะไร

คนบางคน ใช้เวลาทั้งชีวิตให้หมดไปกับความรัก
โดยลืมไปว่า ตัวเองเกิดมาเพื่ออะไร

คนบางคน ใช้เวลาทั้งชีวิตให้หมดไปกับกามารมณ์
โดยลืมไปว่า ตัวเองเกิดมาเพื่ออะไร

คนบางคน ใช้เวลาทั้งชีวิตให้หมดไปกับการทำธุรกิจ
โดยลืมไปว่า ตัวเองเกิดมาเพื่ออะไร

คนบางคน ใช้เวลาทั้งชีวิตให้หมดไปกับการบ้าอำนาจ
โดยลืมไปว่า ตัวเองเกิดมาเพื่ออะไร

คนบางคน ใช้เวลาทั้งชีวิตให้หมดไปกับเกียรติยศ
โดยลืมไปว่า ตัวเองเกิดมาเพื่ออะไร

คนบางคน ใช้เวลาทั้งชีวิตให้หมดไปกับอุดมการณ์
โดยลืมไปว่า ตัวเองเกิดมาเพื่ออะไร

คนบางคน ใช้เวลาทั้งชีวิตให้หมดไปกับสุรายาเสพติด
โดยลืมไปว่า ตัวเองเกิดมาเพื่ออะไร

คนบางคน ใช้เวลาทั้งชีวิตให้หมดไปกับอบายมุข
โดยลืมไปว่า ตัวเองเกิดมาเพื่ออะไร

*** มีคนไม่กี่คน !
ที่ ตระหนักรู้ว่า แท้ที่จริงนั้นเรามีเวลาอยู่ในโลกเพียงน้อยนิด, เราเกิดมาทำไม, และเราจะใช้ชีวิตอย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุดในช่วงเวลาอันแสนสั้นนั้น ?


ชีวิตจะเป็นสุข...เมื่อมองทุกข์อย่างเข้าใจ

การที่เราจะมีความสุขในชีวิตหรือไม่นั้น
สิ่งสำคัญที่สุดอยู่ที่จิตใจ และความคิดของตนเอง

หากคิดแต่เรื่องดีๆ
ชีวิตก็มีความสุขและมีความทุกข์อย่างเข้าใจ

ถ้าหากกำลังมีทุกข์
ขออย่าคิดว่าทุกข์ของตนเองมากมายกว่าผู้อื่น

ให้เพียรพยายามคิดว่าผู้อื่นก็มีทุกข์ไม่น้อยไปกว่า
หรืออาจจะหนักหนาสาหัสกว่าเสียอีก

หากนำความทุกข์ไปเปรียบกับผู้ที่แย่กว่า
จะช่วยให้มีกำลังใจเพิ่มขึ้น
และรู้สึกว่ายังโชคดีกว่าอีกหลายๆ คน


ดังเช่นที่นักปราชญ์เคยกล่าวเอาไว้ว่า :

"ในขณะที่ท่านกำลังร้องห่มร้องไห้เพราะไม่มีรองเท้าใส่
ท่านควรคิดถึงคนที่เขาไม่มีแม้กระทั่งเท้า

หรือหากท่านเสียใจที่ไม่มีเท้า
แต่ยังมีอีกหลายคนที่ไม่มีทั้งเท้าและทั้งแขน"

หรือหากทำงานและธุรกิจล้มเหลวก็ขอให้คิดว่า
ความผิดพลาดและล้มเหลว
คือบทเรียนเริ่มต้นของความสำเร็จ


เหมือนคำกล่าวที่ว่า :

"บทเรียนชีวิตที่ดีที่สุด
ล้วนได้มาจากความผิดพลาดล้มเหลวของตนเอง
ความโง่เขลาเบาปัญญาและความผิดพลาดในอดีต
จะกลายเป็นสติปัญญา และความสำเร็จในอนาคต"


แบ่งปันความสุข แบ่งเบาความทุกข์ :

แบ่งปันความสุข
เพิ่มความสุขเป็นสองเท่า

เมื่อใดที่ใครเป็นทุกข์
จงช่วยเหลือแบ่งเบาความทุกข์
และทำให้เขาคิดได้ว่าความสุขยังมีอยู่

เมื่อใดที่มีความสุข
จงแบ่งปันให้ผู้อื่น

การให้ความเอื้ออาทร ความรักความเข้าใจ
เป็นการสร้างความสุขให้กับตนเองเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า

ยิ่งแบ่งปันความสุขที่มี
ก็ยิ่งทำให้มีความสุขแก่ตนเองเพิ่มขึ้น

และหากแบ่งเบาความทุกข์ของผู้อื่น
ก็จะลดความทุกข์ของตนเองได้ด้วยเช่นกัน

เพราะว่า "การแบ่งปันความสุขให้ผู้อื่น
เพิ่มความสุขให้กับตนเองเป็นสองเท่า

การแบ่งเบาความทุกข์ของผู้อื่น
ลดความทุกข์ของตนเองลงครึ่งหนึ่ง"

~~~ ถ้าเราแคร์คำพูดแย่ๆ...ก็เท่ากับแพ้ใจตัวเอง ~~~~
~~~ “ถ้าคนหนึ่งตีกลอง แล้วอีกคนยิ่งเต้น คนตีเขาก็ยิ่งตี แต่ถ้าตีแล้วไม่เกิดอะไรขึ้น เขาก็จะหยุดไปเอง เพราะตีไปก็เหนื่อยเปล่า” ~~~

คำพูดบางคำทำร้ายคนฟังได้น่าดู
ถ้าจะให้ไม่แคร์เนี่ย ทำได้ยากแน่นอน
ถ้าเคยรู้สึกแย่ กับคำพูดแย่ ๆ ของคนหลายคน
คำพูดของเขาทำให้เราหมดความนับถือตัวเอง
บางครั้งมันอาจจะถึงขนาดทำให้ชีวิตเปลี่ยนแปลงไป
บั่นทอนสุขภาพกายและใจ
คนพูดทิ้งยาพิษไว้ในใจเรา แล้วก็หนีลอยนวล

คนที่แย่คือคนฟังสิ...
ฉันเลยเปลี่ยนความคิดใหม่
พยายามหาเหตุผลเพื่อเข้าใจพวกเขา
คนที่ชอบติข้อบกพร่อง
ตอกย้ำปมด้อยของคนอื่น เพราะต้องการให้ตัวเองดูดี
คนพวกนี้มีปมด้อยในใจ ชอบสร้างคุณค่าให้ตัวเอง
โดยการติคนอื่น เพื่อลดคุณค่าของคนอื่น
จิตใจเขาขุ่นมัว มองไม่เห็นความดี ความสวยงาม
และสิ่งดี ๆ ในตัวคนอื่น เพื่อนำมาพูดถึง

บ่อยครั้งที่เรามักเจอคำพูดแย่ ๆ จากคนรอบข้าง
ถ้าไม่รู้จักดูแลจิตใจ ความรู้สึกของตัวเอง
เราจะถูกบั่นทอนลงทีละนิด....

ที่สำคัญเราจะต้องหนักแน่น อย่าหวั่นไหว
ที่เขาว่ามา เป็นปมด้อยของเราก็จริง
แต่คนเราเลือกเกิดไม่ได้
ที่เขาติมาเพราะเขามองหาส่วนแย่ ๆ ของเราต่างหาก
ที่ดี ๆ ก็มี แต่เขาไม่พูด
ตัวเราย่อมรู้ตัวเองดีที่สุด
เชื่อในคุณค่าของตัวเอง ไว้ใจตัวเอง


ดูแลหัวใจของเราให้ดี
เรียนรู้ที่จะคิดปฏิเสธคำพูดแย่ ๆ จากคนอื่น
รู้แหล่งที่มาอย่างมีเหตุผล
แล้วจะไม่มีอะไรมาบั่นทอนหัวใจเราได้เลย...


:น่าเสียดาย :

น่าเสียดาย ที่เรามีพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ
แต่เรากลับศรัทธาไสยศาสตร์หัวปักหัวปำ

น่าเสียดาย ที่เรามีพระมหากษัตริย์ที่แสนดี
แต่เรากลับมีคนโกงกินเต็มบ้านเต็มเมือง

น่าเสียดาย ที่เรามีวัดอยู่เกือบทุกหมู่บ้าน/ตำบล
แต่เรากลับมากด้วยคนขาดจริยธรรมอยู่ทั่วไป

น่าเสียดาย ที่เราสถาปนาประชาธิปไตยตั้งแต่ พ.ศ. 2475
แต่เรากลับมีปฏิวัติ/รัฐประหารมาแล้ว 14 ครั้ง

น่าเสียดาย ที่เรามีมหาวิทยาลัยมากมายติดอันดับโลก
แต่เรากลับโชคร้ายที่คนไทยชอบดูดวงบวงสรวงเทพยดา

น่าเสียดาย ที่เรามีป่าไม้-แม่น้ำ-ธรรมชาติอุดมสมบูรณ์
แต่เรากลับเทิดทูนการทำลายแทนการรักษา

น่าเสียดาย ที่เรามีศิลปวัฒนธรรมเป็นของตนเอง
แต่เรากลับเก่ง “การลอกเลียนแบบ” เป็นที่สุด

น่าเสียดาย ที่เรามีสื่อมวลชนมากมายไร้พรมแดน
แต่เจ็บปวดเหลือแสนเมื่อสื่อมวลชนมุ่งแต่การขายสินค้า

น่าเสียดาย ที่เรามีกฎหมาย
แต่เรากลับปล่อยให้มีการใช้กฎหมู่จนเป็นเรื่องธรรมดา

น่าเสียดาย ที่เรามีหนังสือมากมายหลายพันเล่มในห้องสมุด
แต่สถิติสูงสุดคือเราอ่านหนังสือกันปีละ 8 บรรทัด

น่าเสียดาย ที่เรามีอินเตอร์เน็ตใช้ก่อนประเทศในโลกที่สาม
แต่เรากลับเสื่อมทรามเพราะใช้ส่งภาพถ่ายคลิปโป๊

น่าเสียดาย ที่เรามีโทรทัศน์หลายสิบช่อง
แต่เรากลับจ้องจะดูแต่ละครน้ำเน่า

น่าเสียดาย ที่เรามีพ่อแม่อยู่ในบ้าน
แต่เรากลับปล่อยให้ท่านอยู่อย่างเปลี่ยวเหงา

น่าเสียดาย ที่เราสามารถกลับตัวเป็นคนดีได้
แต่เรากลับชอบใจที่จะเป็นคนเลวตลอดกาล

น่าเสียดาย ที่เราเป็นอิสระจากความอยากได้
แต่เรากลับพึงใจอยู่กับการสนองความอยาก

น่าเสียดาย ที่เราบรรลุนิพพานได้ในชาตินี้
แต่เรากลับยินดีอยู่แค่การทำบุญให้ทาน


////***** สิ่งที่ต้องทำคือ ความดี
สิ่งที่ต้องมีคือ คุณธรรม
สิ่งที่ต้องจำคือ บุญคุณ ////*****


กระจกส่องใจ สอนอะไรคุณ..?

กระจก... ไม่เลือกที่จะสะท้อนภาพทุกชนิด ฉันใด

จิตใจ... จงเอาเยี่ยงอย่างกระจก

กระจก... รับรู้ แต่ไม่ยึดถือครอบครอง

ดังนั้น... จึงไม่มีภาพใดๆ หลงเหลืออยู่ในกระจก

สายฝน... ในกระจก หาได้เปียกกระจกไม่

เปลวไฟ... ในกระจก ก็หาได้เผาลนกระจกเช่นกัน

ทั้งนี้... เพราะกระจก ไม่ได้ให้อำนาจแก่ สายฝน และเปลวไฟ

*** ดังนั้น...จงทำจิตใจของท่าน ให้เป็นดุจการรับรู้ของกระจก เพราะถ้าหากจิตของท่าน หลงยึดถือหรือตกเป็นทาสของกิเลสเมื่อใด ความทุกข์ ความเศร้าหมองใจย่อมตามมา เมื่อนั้น..
กระจกที่เราเห็นไม่ได้เป็นเพียงกระจกที่เอาไว้ส่องหน้า หากแต่กระจกสามารถสะท้อนจิตใจของคนเราได้


บนลู่วิ่ง ใจฉันนิ่ง รอเสียงปืน
นิ้วยันพื้น หน้าตั้งตรง มองข้างหน้า
เสียงปืนลั่น ฉันออกตัว เต็มลีลา
เท้าซ้ายขวา สับฉับไว ใจเต้นแรง

ขาสองข้าง แข่งกันเอง ไม่ยอมแพ้
คู่ต่อสู้ ยังไม่แน่ ใครแอบแฝง
ฉันกัดฟัน มองเส้นชัย ไม่เคลือบแคลง
แต่ละก้าว กล้าและแกร่ง อย่างมั่นใจ

อีกนิดเดียว ถึงจุดหมาย ใจฉันสู้
แม้นไม่รู้ ใครนำบ้าง ไม่หวั่นไหว
ฉันรัวเท้า แอ่นอกพุ่ง มุ่งเส้นชัย
ผลที่ได้ ฉันนำหน้า คว้ารางวัล

คือนาที ที่รอคอย เมื่อครั้งก่อน
เมื่อนึกย้อน ยังภาคภูมิ คำกล่าวขวัญ
เป็นคนเก่ง สร้างชื่อเสียง ให้สถาบัน
ตราบวันนั้น จวบวันนี้ ยังตรึงใจ

เวลานั้น ช่างยิ่งใหญ่ ในดวงจิต
เมื่อหวนคิด ยังฮึกเหิม อยู่ไหวไหว
ภาพเก่าเก่า ค่อย ค่อย ผุด มาเตือนใจ
มาเตือนให้ ฉันยิ้มรับ ปัจจุบัน

เกมส์ชีวิต ลิขิตให้ ใจต้องสู้
ฉันรับรู้ ว่าหน้าที่ คือแข่งขัน
เกิดเป็นคน ต้องแข็งแกร่ง จึงมีวัน
ได้ตื้นตัน กับนาทีนั้น ที่รอคอย

Nobody - Ver. ทหาร เท่ดี คับ

20 เคล็ดลับแชทมันส์ด้วย MSN Messenger

“เฟสบุ๊ค” อาณาจักรออนไลน์และความคาดหวังของซีอีโอวัย 24

ป้าหมายของเฟสบุ๊คในสายตาผู้ก่อตั้ง ซึ่งเป็นหนุ่มหน้าใสวัย 24 ปีอย่าง “มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก” ผู้นี้คือ การทำให้เฟสบุ๊ค (เว็บไซต์เครือข่ายทางสังคมแบบออนไลน์ที่มีอัตรการเติบโตเร็วที่สุดในโลก) กลายเป็น “ศูนย์กลางของมาตรฐานการสื่อสาร และการตลาดของโลกอินเตอร์เน็ต (The planet’s standardized communication (and marketing) platform)”

เตือนสาวก"บีบี "ระวังอาการนิ้วล็อค-ข้อมืออักเสบ จักษุแพทย์เผยแช็ตนานระวัง"บีบีวิชั่นซินโดรม"


เตือน สาวก"แบล็กเบอรี่"แช็ตถี่เป็นเวลานาน ระวังอาการนิ้วล็อค-ข้อมืออักเสบ หมอเผยปัจจุบันมีผู้มารักษามาก ระบุสาเหตุหนึ่งมาจากอาการติดบีบี จักษุแพทย์เผยเกิดโรค "บีบีวิชั่นซินโดรม"แล้ว วัยรุ่นรับเกิดอาการจริงหากใช้ต่อเนื่อง

บีบี (แบล็กเบอร์รี่) มือถือสุดฮิต ซึ่งขณะนี้เป็นที่นิยมในกลุ่มวัยรุ่นและกลุ่มคนวัยทำงาน โดยส่วนใหญ่นิยมใช้สื่อสารด้วยโปรแกรมแช็ตที่สามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา และใช้ได้บ่อยครั้งตามที่ต้องการ วัยรุ่นและกลุ่มคนวัยทำงานจำนวนไม่น้อย ยอมรับว่าติดบีบีเป็นอย่างมาก บางคนต้องสนทนาผ่านตัวอักษรในบีบีทุก 5 นาที โดยการสนทนาในแต่ละครั้งสาวกบีบีต้องอาศัยการอ่านตัวหนังสือที่หน้าจอ โทรศัพท์ซึ่งมีขนาดเล็ก และยังต้องอาศัยนิ้วกดแป้นตัวอักษรเพื่อสนทนาตอบโต้ ผลจากพฤติกรรมดังกล่าว เริ่มส่งผลกระทบต่อผู้ติดบีบีแล้ว

นพ.ธีรวัฒน์ กุลทนันทน์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล เปิดเผย "มติชน" เมื่อวันที่ 12 กันยายน ว่า ปัจจุบันมีคนไข้ที่เข้ามารับการรักษาข้อมือ รวมทั้งรักษาอาการนิ้วล็อคเป็นจำนวนมาก ซึ่งอาการดังกล่าวเกิดจากการใช้งานของนิ้วและข้อมือมาก สาเหตุความเสี่ยงของโรคอาจมาจากการพิมพ์งานนาน การทำกับข้าวหั่นหมู หั่นผัก และที่น่าเป็นห่วงมากๆ ในตอนนี้คือ การพิมพ์ข้อความทางโทรศัพท์ ขณะนี้มีคนไข้เข้ามารับการรักษาข้อมือ และนิ้วล็อควันละหลายสิบราย โดยเฉพาะผู้หญิงทั้งวัยรุ่นและวัยทำงาน

สาเหตุมีหลายอย่าง แต่ที่น่าห่วงคือ การใช้บีบีเพราะลักษณะการใช้งานของบีบี แป้นพิมพ์จะแคบและมีขนาดเล็กมากๆ ลักษณะการวางมือของผู้ใช้มีความลำบาก เมื่อผู้ใช้พิมพ์บ่อยๆ วันละหลายๆ สิบครั้ง อาจมีผลกระทบตามมาได้ เช่น มีอาการเอ็นข้อมืออักเสบ เวลากระดกนิ้วหัวแม่มือจะเกิดอาการเจ็บ ยิ่งใช้นานก็ยิ่งมีอาการเพิ่มขึ้น อย่างอาการเกร็งที่นิ้วตรงข้อต่อ ส่งผลให้บริเวณปลายนิ้วมีกระดูกปูดขึ้นมา เพราะมีหินปูนไปจับทำให้รู้สึกเจ็บ ส่วนบริเวณข้อมือ ตรงฝ่ามือจะมีพังผืด ถ้าใช้งานมากจะหนาตัวขึ้นและไปกดทับเส้นประสาททำให้มือชา นิ้วชา ทำให้เกิดอาการนิ้วล็อค บริเวณโคนนิ้วมือจะเจ็บ เวลากำหรือเหยียดจะลำบากในระยะแรก เมื่อปล่อยทิ้งไว้นานจะทำให้งอและเหยียดไม่ออก

นพ.ธีรวัฒน์กล่าวอีกว่า อาการที่เกิดขึ้นกับมือและข้อมือที่กล่าวมาข้างต้นนั้น หากยังใช้งานมากเกินไป ในทุกๆ วันจะเจ็บปวดมากจนถึงขั้นต้องรักษาด้วยการฉีดยา หรือถึงขั้นผ่าตัดในที่สุด ดังนั้น ควรลดการใช้งานของบีบีหากมีอาการเจ็บที่ปลายนิ้วมือตรงข้อต่อแสดงว่าใช้งาน มากไป ควรลดลงหรือปรับท่าใช้งาน และป้องกันเบื้องต้นด้วยการยืดเหยียดมืออยู่เสมอ ยืดนิ้วมือ หรือข้อมือ และประสานมือเหยียดออกไป หากมีเวลาให้นำมือแช่น้ำอุ่นเพื่อผ่อนคลายบ้างก็เป็นการบรรเทาอาการดังกล่าว

ส่วนผลกระทบต่อสุขภาพจากการเล่นบีบีในด้านอื่นนั้น นพ.ฐาปนวงศ์ ตั้งอุไรวรรณ จักษุแพทย์โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า กล่าวถึงอาการติดบีบีที่ส่งผลกระทบต่อสายตาว่า ขณะนี้มีโรค "บีบีวิชั่นซินโดรม" คือ การใช้สายตาเพ่งในสิ่งนั้นๆ นานเกิน 25 นาที จะทำให้ตาเกิดอาการล้า ปวดตา เมื่อยตา เนื่องจากแช็ตตลอดเวลา เพ่งไปที่ตัวหนังสือนานเกินไป ตาจะเริ่มแห้ง โดยเฉพาะแก้วตาดำจะแห้งจนมีอาการแสบ เคือง น้ำตาไหล และปวด อาการเหมือนโรคคอมพิวเตอร์ซินโดรม แต่ยังไม่มีรายงานทางแพทย์ว่าเกิดอันตรายจนถึงขั้นรุนแรง เพียงแค่จะแสบตา ปวดตา เมื่อนอนพักก็หายและควรเว้นระยะห่างหน้าจอกับสายตาในระยะที่มองได้ชัดที่สุด และไม่ควรแช็ตในที่มืดด้วย

นอกจากนี้ การใช้ บีบี ยังกลายเป็นประเด็นถกเถียงอย่างกว้างขวางถึงกาละเทศะ โดยเฉพาะ การใช้ บีบี ในโรงภาพยนตร์ แม้ว่า จะไม่มีเสียง แต่การที่ใช้บีบี พิมพ์ข้อความในโรงภาพยนต์ แสงสว่าง ได้รบกวนผู้ชมภาพยนตร์คนอื่นๆที่ต้องการชมภาพยนตร์ จนเกิดการโต้เถียงกันขึ้นแล้ว ดีจี จัดรายการวิทยุคลื่นเอฟเอ็ม 98.5 ผู้หนึ่งเสนอให้ ชะโงกหน้าไปอ่านบทความดังๆ เพราะประท้วง ความไร้มารยาทของผู้ใช้บีบีในโรงภาพยนตร์

ทางด้านกลุ่มผู้เล่นบีบี น.ส.สุพิชญา วงศ์วิทยกำจร อายุ 19 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ กล่าวว่า ใช้บีบีมานานกว่า 2 ปี คุยกับครอบครัว เพื่อน และติดต่องาน อีกทั้งยังใช้เล่นอินเตอร์เน็ต ติดบีบีมาก เพราะสะดวกไม่ต้องโทรศัพท์ก็สามารถติดต่อสื่อสารกับคนอื่นได้ด้วยการแช็ต จะเล่นเฉพาะเวลาว่าง เคยเล่นนานที่สุดครึ่งชั่วโมง ตั้งแต่เล่นบีบียังไม่มีผลเสียอะไร แต่เพื่อนบางคนเล่นบีบีหนักมาก ตลอด 24 ชั่วโมง เดินก็เล่น กินข้าวก็เล่นทำให้เกิดอาการนิ้วโป้งชา บางคนเล่นติดต่อกันเป็นชั่วโมงจนเกิดอาการนิ้วโป้งล็อค ต้องหยุดเล่นและ

ผ่อนคลายนิ้วจึงหาย

นายพิชญะ รัญเสวะ อายุ 15 ปี ชั้น ม.4 โรงเรียนนานาชาติบีพีเอส กล่าวว่า วัยรุ่นยุคนี้ต้องมีบีบี ถ้าไม่มีถือว่าเชย ส่วนตัวเพิ่งใช้ประมาณ 1 ปี คุยกับเพื่อนทุกวัน เพราะไม่เปลืองค่าโทรศัพท์ เสียค่าบริการเดือนหนึ่ง 300 บาทแต่แช็ตได้ไม่จำกัด แต่เวลาเล่นนานๆ มีผลเสียต่อร่างกาย เคยเล่นนานที่สุดประมาณ 40 นาที จะรู้สึกตาพร่า เบลอๆ บางครั้งเล่นขณะอยู่บนรถจะรู้สึกเวียนหัวมาก ต้องเลิกเล่นทันทีอาการจึงค่อยๆ ดีขึ้น

จิตแพทย์เตือน CHAT อันตราย ชี้เป้าหมายมุ่งเซ็กซ์

จิตแพทย์ระบุการแชตหรือคุยกันเล่นทางอินเทอร์เน็ตให้ความตื่นเต้นเร้าใจ เพราะได้ลุ้นตามจินตนาการ คู่สนทนาสร้างภาพให้ตัวเองตามใฝ่ฝัน ห่วงคนไม่คุ้นเคยติดกับภาพลวงของโลกไซเบอร์ เตือนข้อมูลส่วนใหญ่เป็นเท็จ โดยเฉพาะการใช้ภาษาหวานแหววเป้าหมายต้องการมีเพศสัมพันธ์ อนุทิน แนะให้แชตเพื่อความสนุก อย่าไว้ใจคนที่ไม่เห็นหน้า

นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกรมสุขภาพจิต ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการสนทนาทางอินเทอร์เน็ต หรือการแชต จนเกิดการฆาตกรรมภายหลังนัดมาพบกันและคู่สนทนาไม่ได้เป็นดังที่วาดภาพไว้ว่า การแชตทางอินเทอร์เน็ตถือเป็นการสื่อสารอย่างหนึ่งมีทั้งข้อดีและข้อเสีย อย่าเพิ่งปฏิเสธสื่อชนิดนี้ เพราะโลกก้าวไปไม่หยุดยั้ง แต่ขอให้รู้เท่าทันสื่อนี้

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า การแชตเป็นการสื่อสารแบบไม่เห็นหน้า ให้ความรู้สึกตื่นเต้นเร้าใจ โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีโอกาสน้อยในการสร้างสัมพันธภาพกับเพศตรงข้าม ในโลกไซเบอร์มีการใช้ภาษาหวานๆ เกี้ยวพาราสีกัน คนที่อ่อนไหวจะปักใจเชื่อว่าเขารัก คนที่ไม่คุ้นเคยกับโลกไซเบอร์จะเชื่อว่าข้อมูลในอินเทอร์เน็ตที่แชตกันเป็น จริง ซึ่งความจริงไม่ใช่ ข้อมูลที่คุยกันส่วนใหญ่มักเป็นเท็จ มีการใช้ชื่อปลอม สร้างภาพให้ตัวเอง ใช้ภาษาสุภาพทั้งที่ตัวเองหยาบคาย สกปรก

การแชตเป็นการสร้างจินตนาการตามที่เราอยากเป็น ตามที่เราชอบ การใช้ภาษาเขียนจะเป็นคำสวยงาม วลีงามๆ แต่ในชีวิตจริง เขาจะไม่ค่อยได้พูดคำเหล่านี้ ทำให้โน้มน้าวใจ ตรงใจ หรือตกหลุมรัก เพราะมาตรงกับสิ่งที่เราต้องการ นพ.ทวีศิลป์ กล่าว และว่าการคุยกันทางอินเทอร์เน็ตเปรียบเหมือนการจีบสาว หนุ่มๆ ต้องสร้างภาพว่าตนเองดีแบบนั้นแบบนี้ แต่เวลาเท่านั้นที่จะพิสูจน์ว่าสิ่งที่แสดงออกเป็นนิสัยจริงหรือแค่สร้างภาพ เพื่อจีบผู้หญิงให้ได้ ส่วนการนัดพบกันควรกระทำในสถานที่สาธารณะ อย่านัดพบกันที่โรงแรมหรือโรงภาพยนตร์ เพราะเป็นที่รโหฐาน เสี่ยงต่อการได้รับอันตราย ไม่ควรไปคนเดียว สิ่งที่ต้องย้ำคือ ธรรมชาติของเพศชายจะมีแรงผลักดันทางเพศมาเป็นอันดับ 1 คือ ต้องการมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาว จึงมักสร้างภาพลวงให้หลงเชื่อแล้ววางใจจนนำไปสู่การมีเพศสัมพันธ์ แต่เพศหญิงต้องการความรัก การทนุถนอม

ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า อย่าไว้ใจคนแปลกหน้าที่รู้จักกันทางการแชตในชีวิตจริงไม่มีพระเอกเหมือนใน ภาพยนตร์ โอกาสที่การ นัดบอด จนนำไปสู่การแต่งงานกันนั้นมีน้อยมาก ให้แชตเพื่อความสนุก

ขณะที่ น.ส.ลัดดา ตั้งสุภาชัย ผู้อำนวยการสำนักเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยถึงกรณีการฆ่าหั่นศพหญิงสาว หลังรู้จักกันผ่านการสนทนาทางอินเทอร์เน็ต (แชต) ว่า หากเป็นสังคมในสมัยก่อนจะมีปู่ ย่า ตา ยาย คอยช่วยดูแลบุตรหลาน แต่สังคมปัจจุบันเป็นครอบครัวที่เล็กลง เด็กจะอยู่ตามลำพัง ทำให้เด็กสมัยนี้เป็นเด็กที่อยู่ในมิติแห่งโลกเหมือนจริงคือไม่จริง อย่างเช่นการแชตนี้จะเหมือนจริงว่ามีคนมาพูดคุยด้วย แต่ไม่มีจริง สำหรับกรณีที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ถือว่าน่าเป็นห่วงและเป็นอุทาหรณ์สำหรับพ่อแม่ทุกคนที่จะต้องดูแลบุตร หลานอย่างใกล้ชิด เพราะเป็นครูแม่พิมพ์ของชาติยังพลาดได้ ดังนั้น พ่อแม่ต้องอย่าปฏิเสธการเรียนรู้เทคโนโลยีคู่ไปกับลูกเพื่อไม่ให้เกิด อันตรายถึงชีวิต เสียสุขภาพและเงินทอง และต้องอยู่ในโลกเหมือนจริงที่ไม่จริงเพียงลำพัง นอกจากนี้ เมื่อเปิดเทอมแล้วโรงเรียนต่างๆ ควรให้เป็นบทเรียนสำหรับเด็ก เพื่อระวังอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น ในส่วนของกระทรวงวัฒนธรรมได้พยายามให้ข่าวสารผ่านเครือข่ายเฝ้าระวังเยาวชน รวมทั้งจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง

อ้างนักแข่งรถ แช็ตหื่นข่มขืนนักศึกษาสาว


สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบจากหนังสือพิมพ์ข่าวสด

วานนี้ (21 ส.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางซื่อ แถลงข่าวจับกุมตัว นายภีรพงษ์ หรือหนุ่ม ผลธัญญะ อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาคดีข่มขืนและลักทรัพย์ พร้อมของกลางบัตรประจำตัวประจำตำแหน่ง รองผจก.ฝ่ายตรวจศูนย์, บัตรประจำตัวนักแข่งของบริษัท เอพี ฮอนด้า ออโต้ เจแปน จำกัด ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าเป็นบัตรปลอม

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา ผู้ต้องหาได้หลอกลวง น.ส.จอย (นามสมมติ) อายุ 21 ปี นักศึกษาวิทยาลัยอาชีวะแห่งหนึ่งไปข่มขืนและลักทรัพย์ ต่อมา น.ส.จอย เข้าแจ้งความและให้การว่า รู้จัก กับนายภีรพงษ์ผ่านการแช็ตพูดคุยทางอินเตอร์เน็ต ซึ่งแอบอ้างว่าเป็นนักแข่งรถจักรยานยนต์ จนหลงเชื่อและคุยกันอย่างสนิทสนม กระทั่งวันเกิดเหตุนายภีรพงษ์ นัดเจอหน้าก่อนพาเข้าไปขืนใจในโรงแรม พร้อมทั้งขโมยสร้อยข้อมือ, สร้อยคอทองคำ และโทรศัพท์มือถือ หลบหนีไป ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐาน ก่อนจะติดตามจับกุมตัว

ขณะที่ นายภีรพงษ์ ให้การสารภาพว่า ก่อเหตุลักษณะดังกล่าวมาหลายครั้ง โดย ใช้โปรแกรมแช็ตเข้าไปคุยกับเหยื่อ แล้วอ้างว่าเป็นนักแข่งรถ มีตำแหน่งเป็นรองผู้จัดการ เมื่อเหยื่อหลงกลออกมาพบก็จะพาเข้าโรงแรมลงมือข่มขืน พร้อมกับลักทรัพย์เหยื่อไปขาย ที่ทำไปเพราะตกงานจึงออกมาก่อพฤติกรรมหลอกลวงเข้าร้านอินเตอร์เน็ตแช็ต และว่าจ้างให้ร้านทำบัตรย่านถนนข้าวสารปลอมบัตรประจำตัวนักแข่งรถทั้ง 2 ใบ ราคาใบละ 500 บาท

สำหรับ นายภีรพงษ์ หรือชื่อเดิมคือ นายธนภัทร ธีระสาสน์ ได้เคยก่อเหตุในลักษณะดังกล่าวมาแล้วหลายครั้ง มีประวัติถูกจับกุมคดียักยอกทรัพย์กว่า 50 ครั้ง และเคยติดคุกอยู่พักใหญ่ เมื่อพ้นโทษออกมาก่อเหตุหลอกลวงแช็ตในเน็ตอีก ทั้งนี้ ได้มีผู้เสียหายติดต่อชี้ตัวเพื่อดำเนินคดีเพิ่มขึ้นอีก 3 ราย นอกจากนี้จากการตรวจสอบข้อมูลในอินเตอร์เน็ตของนายภีรพงษ์ พบชื่อผู้หญิงอยู่ในรายการมากถึง 500 ชื่อ

คนราศีไหน ใช้อินเตอร์เน็ตอย่างไร

ราศีมังกร(16 ม.ค.-12 ก.พ.)
คุณมีแนวทางการดำเนินชีวิตในแบบของคุณเอง เรื่องการใช้เครื่องมือทันสมัยต่างๆ ก็เช่นกัน โดยเฉพาะคอมพิวเตอร์คุณ จะต้องมั่นใจ ในระบบป้องกันคนนอกมาใช้งานของคุณโดยการตั้งรหัส Password เอาไว้ เพื่อความปลอดภัย เพราะคอมพิวเตอร์ คือเครื่องมือที่คุณโปรดปรานที่สุด ในยามที่คุณเบื่อ เหงา หรือเซ็งอะไรก็ตาม

ถ้าคุณลองได้อยู่หน้าจอคอมฯแล้วละก็ ไม่ว่านานแค่ไหน จะปวดตาอย่างไรก็ตามคุณจะไม่ยอมเลิก จนกว่าจะได้ข้อมูลหรือทำงานนั้นสำเร็จเสียก่อน ชาวมังกรเป็นคนที่ มีความอดทน รอการ load website ที่คุณอยากดู ไม่ว่านานแค่ไหนก็รอได้ และชาวราศีมังกรก็คนที่ upgrade เครื่องคอมฯ บ่อยมาก ถ้าคุณรู้สึกว่ามันเริ่มจะช้า ล้าหลัง คุณจะรีบ upgrade มันทันที


ราศีกุมภ์(13 ก.พ.-13 มี.ค.)
ถ้ามี chat room ที่ไหน มีการคุยกัน online ที่ไหน มั่นใจได้เลยว่าจะต้องมีชาวราศีกุมภ์เข้าไปแจมเสมอ คุณมักจะเป็นคนเริ่ม เปิดกระทู้ใน webboard ก่อนคนอื่นด้วยซ้ำ แล้วคุณก็จะชอบส่ง e-mail แปลกๆไปหาเพื่อน ชาวกุมภ์ชอบเสาะแสวงหาอะไรใหม่ๆ ที่สวย เก๋ แบบที่ยังไม่มีคนได้เห็น เช่น พวก Web Design ต่างๆ Graphic ต่างๆ เอามาแนะนำให้เพื่อนอยู่เป็นประจำ

คุณรู้สึกว่าชีวิตความเป็นอยู่ของคุณจะดี และมีสีสันขึ้นได้ เพราะมีการผสมผสานระหว่างโลกแห่งความจริง กับโลก Internet มันทำให้คุณมีข้อมูลที่หลากหลาย และไร้ขีดจำกัด ทำให้คุณมีโลกกว้างขึ้น ชาวกุมภ์ไม่ใช่คนที่เคร่งครัดในเรื่องการใช้คอมฯ การตั้งระบบ password ต่างๆ ขอแค่คุณได้ Chat หรือติดต่อกับเพื่อนๆ ที่มีอยู่ใน net และก็ท่องเว็บไปเจออะไรใหม่ๆ ก็พอใจแล้ว


ราศีมีน(14 มี.ค.-12 เม.ย.)
ชาวราศีมีน ผู้เป็นนักประชาสัมพันธ์ เผยแพร่ข้อมูลต่างๆ ให้แก่เพื่อนๆ อะไรก็ตามที่คุณรู้ ไม่ว่าจะเป็นความลับ เรื่องสำคัญ มากขนาดไหน คุณจะเปิดเผยและบอกเล่าให้เพื่อนๆ หรือคนที่คุยกับคุณรับทราบหมด ไม่ว่าจะวิธีไหนก็ตาม e-mail , chat หรือแม้แต่นอกจอคอมพิวเตอร์ ชาวมีนเป็นคนที่มีพื้นฐานและเข้าใจการเล่น Internet ที่ดี ทำให้คุณมักจะได้รู้อะไรที่คนอื่นไม่ค่อยรู้ คุณจะดูทั้ง web ที่มี graphic สวยงาม หรือแม้แต่ web ที่มีแต่ตัวหนังสือ

แต่นั่นคือข้อมูลที่คนอื่นมักจะมองข้ามไป คุณเข้าใจ การใช้งานของคอมพิวเตอร์ดี ไม่ใช้งานมันแบบก้มหน้าก้มตาใช้ ถ้า web ไหนที่คุณดูแล้วทำให้คุณประทับใจ คุณจะเปิด web นั้นขึ้นมาอีกในครั้งต่อๆไป ชาวมีน คุณคือคนที่เข้าใจเสมอว่า Internet จริงๆ แล้วก็ทำเพื่อธุรกิจ แต่บางครั้งคุณก็หลงใจอ่อนกับข้อมูลต่างๆ ที่เขาให้คุณมาง่ายๆ ฟรีๆ


ราศีเมษ(13 เม.ย.-13 พ.ค.)
คุณเป็นคนที่ติดตามเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เพิ่งออกมาเสมอ อะไรที่ update คุณจะต้องติดตามและลองสัมผัสใช้มันให้ได้ ชาวเมษมักจะชอบใช้ Internet แบบเปิดหลายอันพร้อมกัน chat ไปด้วย ท่องเว็บไปด้วย แถมอาจจะยัง load ภาพไปด้วยก็ได้ นอกจากนี้คุณยังเป็นนักสำรวจที่เสาะแสวงหาข้อมูลได้เก่งมาก ไม่ว่าข้อมูลนั้นๆจะถูกปกปิด หรือเป็นความลับแค่ไหน คุณจะ Search หามันมาจนได้ Technology

สำหรับชาวราศีเมษ มันคือสิ่งที่ทำให้คุณหูตากว้างไกลและทันสมัยอยู่ตลอดเวลา ซึ่งคุณก็เป็นคน ประเภทไม่ยอมที่จะหยุดนิ่งอยู่กับที่อยู่แล้ว


ราศีพฤษภ(14 พ.ค.-13 มิ.ย.)
คุณเป็นคนที่สนใจในสิ่งที่คุณจะเก็บเกี่ยว ได้รับจากงานหรือสิ่งที่คุณทำอยู่ ไม่ว่าเรื่องทั่วๆ ไป หรือเรื่องการใช้ เทคโนโลยีก็ตาม ถ้าชาวพฤษภจะท่อง Internet สักหนหนึ่ง คุณจะต้องเลือก website ที่จะทำให้คุณได้ความรู้ ได้ประโยชน์จากมัน มากที่สุด เช่น คุณอาจเลือกดูเว็บที่มี graphic สวยๆ ถ้าคุณอยากดูการออกแบบดีๆ หรือถ้าคุณอยากได้ข่าวสารที่แม่นยำ คุณก็จะค้นหาจากพวก CNN Reuter เป็นต้น

ดังนั้นชาวพฤษภมักจะเลือกเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีคุณภาพสูง จอภาพที่ให้ ภาพคมชัด เหมือนจริง ประมวลผลได้เร็ว เพื่อทำให้คุณได้รับข้อมูล หรือสิ่งที่คุณต้องการจะดูได้อย่างมีประสิทภาพสูงสุด และคุณก็มักจะได้ สิ่งดีๆ มาจาก Internet เสมอๆ ไม่ว่าจะเป็น ข้อมูล ข่าวสาร รูปภาพ หรือแม้แต่ข้าวของเครื่องใช้ แม้กระทั่งเสื้อผ้าก็ตาม


ราศีเมถุน(14 มิ.ย.-14 ก.ค.)
ด้วยความกระหาย ชอบที่จะสนทนากับผู้อื่น ทำให้ชาวราศีเมถุนจะต้องเพิ่มวิชาการ พูดคุยกับคนอื่น โดยการปรากฏตัวในโลกของ Cyberโดยเฉพาะ Chat room ความฉลาดหลักแหลม และทันสมัยของคุณ ทำให้คุณเลือกใช้ Internet เป็นเครื่องมือในการออกไป สู่โลกกว้าง ติดต่อกับคนใน Internet ซึ่งคุณก็รู้ดีว่าการคบค้ากับชาว Online มันไม่แน่นอนและไว้ใจไม่ได้เพราะวันใดวันหนึ่ง เขาก็อาจจะหายจากโลกของคุณไปได้ทุกเมื่อ

วิธีที่คุณมักจะใช้เป็นประจำคือการใช้ Search engine มาตาม spec ที่คุณ กำหนดลงไป ชื่อคนใดที่ขึ้นมาตามนั้นก็เป็นอันว่าใช้ได้ คุณพร้อมที่จะเข้าไปพูดคุยกับเขาได้เลย ชาวราศีเมถุน คุณเป็นคนฉับไว คิดและตัดสินใจเร็ว เพียงแค่คลิกเม้าท์คุณก็ตัดสินใจได้แล้ว คุณคือ คนยุค IT อย่างแท้จริงและบ่อยครั้งที่ความสัมพันธ์กับคนรอบๆ ตัวคุณจะเริ่มต้นโดยการรู้จักพูดคุยกันทาง Internet


ราศีกรกฎ(15 ก.ค.-16 ส.ค.)
สำหรับชาวกรกฎ ถ้าคุณถูกใจ Website ไหนเป็นพิเศษ คุณก็จะชอบเข้าไปดูมันอยู่บ่อยๆ เพราะคุณเป็นคนชอบอะไร ที่มันสวยงาม เก๋ และสะดุดตา ชาวกรกฎไม่ใช่นักท่องเว็บตัวฉกาจนัก สังเกตได้จากการเล่น net ครั้งแรกๆของคุณ คุณจะค่อนข้างงงๆ กับมัน ยังตั้งหลักไม่ค่อยได้ว่าจะไปทางไหนดี ที่ไหนจะมีอะไรน่าสนใจหรือถูกใจคุณ

แต่ไม่นานคุณ ก็จะเริ่มปรับตัวได้ และเพียรรู้ว่าสิ่งที่คุณจะสนใจจเป็นอย่างแรกคือ Homepage ถ้า web ไหนเปิดหน้าแรกขึ้นมาแล้วคุณสนใจ คุณก็จะเลือกที่จะเข้าไปดูอันนั้น ถ้าอันไหนไม่น่าสนใจก็ผ่านไปเลย ชาวกรกฎเป็นคนมีความจำที่ดี ทุกๆสิ่งทุกอย่างที่ผ่านสายตา คุณจาก web ต่างๆ คุณจะจำได้หมดและจะกลับไปดูอีกครั้งเสมอ ชาวกรกฎไม่ต้องการอะไรที่ทันสมัยมากมายจนตามไม่ทัน เท่าที่เป็นอยู่นี่ก็มีมากพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องแสวงหาวิธีการใหม่ๆมาใช้กับการท่อง web ของคุณอีก


ราศีสิงห์(17 ส.ค.-16 ก.ย)
เมื่อชาวสิงห์กระโดดเข้าไปใน Cyber space คุณอาจจะพบกับความหงุดหงิดใจอยู่บ้าง เพราะชาวสิงห์ชอบที่จะเป็นจุดสนใจ ศูนย์กลางในการสนทนา หรือติดต่อกัน แต่ในโลกแห่ง Internet เป็นไปได้ยาก ทุกคนดูจะวุ่นวายกันไปหมด ไม่มีใครที่จะมาใส่ใจ ใครเป็นพิเศษ ความโดดเด่นที่มีในตัวคุณจะไม่ถูกนำออกมาใช้ให้คนเห็นได้ง่ายนัก และเมื่อคุณท่องเว็บ คุณจะไม่ค่อยสนใจ กฎกติกา หรือคำแนะนำจาก web มากมาย มันน่ารำคาญและไม่จำเป็น

คุณจะเปิดเข้าไปดูพร้อมๆ กันที่ละหลายๆ อัน และไม่ค่อยเจาะจงอะไรเป็นพิเศษ เพราะคุณก็รู้ดีว่าอะไรคืออะไร ความสามารถในการใช้งานในโลก Internet ของชาวลีโอ ค่อนข้างจะดีมาก คุณจะหาสิ่งที่คุณต้องการได้เสมอ อยากทำอะไร หรืออยากให้มันเป็นแบบไหนคุณก็จะสามารถหามันจาก web ต่างๆได้ ความสามารถของชาวสิงห์อันนี้ เหมาะกับการสร้างผลงาน หรือทำธุรกิจแบบe-commerce บนwebsiteได้ดี


ราศีกันย์(17 ก.ย.-16 ต.ค.)
ชาวราศีกันย์ ผู้ที่ชอบออนไลน์และพบปะเพื่อนใน net เป็นประจำ คุณจะเลิกทำกิจกรรมทุกอย่างที่ทำอยู่ ถ้าคุณเจอเพื่อน ของคุณ online ใน net โลกแห่ง Internet คือแหล่งข้อมูลและแหล่งนัดพบของคุณและเพื่อน ชาวกันย์จะสามารถหาข้อมูลทุกอย่าง ได้จาก Internet โดยจะค้นหาไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเจอข้อมูลที่ถูกใจ

ชาวกันย์มีความสามารถพิเศษในการจดจำรายละเอียด ปลีกย่อยต่างๆ ของแต่ละ website ได้ดี และด้วยความสนใจเรื่องเทคโนโลยีต่างๆ เหล่านี้เป็นพิเศษ ทำให้คุณเข้าใจมันได้ดี และรวดเร็ว ชาวกันย์เป็นคนที่มีความรู้ในเรื่องเทคโนโลยีที่ดี เป็นที่ปรึกษา และเป็นที่พึ่งให้แก่คนอื่นได้


ราศีตุลย์(17 ต.ค.-16 พ.ย.)
ชาวราศีตุลย์ คือบุคคลที่เป็นที่ต้องการ และเป็นที่ใฝ่หาของคนที่ทำงานด้านเทคโนโลยีต่างๆ คุณจะมีพื้นฐานความรู้ ความเข้าใจในเรื่องเทคนิคต่างๆ ระบบต่างๆได้ดี เป็นผู้มีความสามารถในการค้นหาข้อมูลต่างๆ จาก Internet ได้คล่องแคล่วมาก

ชาวตุลย์มีวิสัยทัศน์ที่แหลมคม ในการตัดสินใจเลือกสิ่งใดๆก็ตาม Chat room, e-mail คือสังคมที่มีสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับคุณ ทำให้คุณไม่เบื่อและล้าหลัง เวลาที่ชาวตุลย์มีปัญหา กลุ้มใจ หรือเบื่ออะไร คุณมักจะมาระบายออกทาง Internet e-mail ไปคุยกับคนโน้นคนนี้ มันจะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นและไม่เหงา แต่เมื่อคุณรู้สึกดีขึ้นแล้ว ชาวตุลย์ก็จะออกจาก Cyber space มาสู่โลกแห่งความจริงทันที


ราศีพิจิก(17 พ.ย.-15 ธ.ค.)
ชาวแมงป่องคุณเป็นคนที่มุ่งแสวงหาผลประโยชน์ และข้อได้เปรียบ จากการใช้งาน Internetให้ได้ประโยชน์กับคุณมากที่สุด ในการท่องเว็บของคุณนั้น คุณจะไม่ยอมให้มันนำพาคุณไปเรื่อยๆ ตามที่โปรแกรมถูกสร้างไว้ คุณจะใช้ความฉลาด ของคุณ ในการทำอย่างไรก็ได้ ให้มันประมวลผลได้ดีกว่า ของคนอื่น

ชาวราศีพิจิกมักจะสร้างระบบลับ รหัสส่วนตัวสำหรับคอมพิวเตอร์ ไว้ใช้งานเพียงคนเดียว เพราะคุณจะเก็บความลับต่างๆไว้มากมายในคอมพิวเตอร์ หรือไม่ก็ไม่อยากให้ใครมายุ่ง เกี่ยวกับระบบ การใช้งานของคุณ ที่ถูกสร้างเอาไว้ สำหรับคุณคนเดียว คุณมักจะสร้างปุ่มลัด (shot cut)ต่างๆมากมาย เพื่อประหยัดเวลา และลดขั้นตอน อันเยิ่นเย้อ คอมพิวเตอร์ของชาวพิจิก จะมีความแตกต่างจากเครื่อง ที่คนอื่นเขาใช้ทั่วไป มันจะถูกออกแบบ วิธีการใช้งานใหม่โดยคุณชาวพิจิกเสมอ


ราศีธนู(16 ธ.ค.-15 ม.ค.)
สำหรับชาวราศีธนู คุณเป็นคนที่มี style เป็นของตนเอง ชอบกำหนดระบบต่างๆ ขึ้นเอง ดังนั้นสำหรับคอมพิวเตอร์ของคุณ ก็เช่นกัน คุณจะตั้งระบบของคุณขึ้นมาเอง ชาวธนูจะใช้ Internet ในการเสาะแสวงหาความรู้ ข้อมูลต่างๆ และจะขุดคุ้ยข้อมูล อย่างเจาะลึก และละเอียดที่สุด

ชาวธนูเป็นคนที่มีทักษะในการใช้เครื่องมือ อุปกรณ์ต่างๆ ที่ดี โดยเฉพาะคอมพิวเตอร์ คุณสามารถ ใช้งานได้อย่างคุ้มค่า เกิดประสิทธิผลสูงสุด ดังนั้นการใช้คอมพิวเตอร์ การเล่นอินเตอร์เน็ต จึงไม่ใช่ เรื่องยุ่งยาก สำหรับคุณเลย และชาวราศีธนูก็จะรู้ดีเสมอว่า ข้อมูลแบบไหน ควรหาอย่างไร ใช้อย่างไร จึงจะเหมาะกับความต้องการของคุณที่สุด เพราะลูกศรจะวิ่งสู่เป้าหมายอย่างแม่นยำเสมอ